เมนู

ได้ตั้งเป็นเพดานในเบื้องบนพระเศียร. เขาซัดดอกไม้ 2 กำอื่นอีก.
ดอกไม้ 2 กำนั้นได้ย้อยลงมาตั้งอยู่ทางด้านพระหัตถ์ขวา โดยอาการอัน
มาลาบังไว้. เขาซัดดอกไม้ 2 กำอื่นอีก. ดอกไม้ 2 กำนั้น ได้ห้อย
ย้อยลงมาตั้งอยู่ทางด้านพระปฤษฎางค์ อย่างนั้นเหมือนกัน. เขาซัดดอก
ไม้ 2 กำอื่นอีก. ดอกไม้ 2 กำนั้นห้อยย้อยลงมาตั้งอยู่ทางด้านพระ-
หัตถ์ซ้าย อย่างนั้นเหมือนกัน. ดอกไม้ 8 ทะนานเป็น 8 กำ แวด
ล้อมพระตถาคตในฐานะทั้ง 4 ด้วยประการฉะนี้. ได้มีทางพอเป็นประตู
เดินไปข้างหน้าเท่านั้น. ขั้วดอกไม้ทั้งหลายได้หันหน้าเข้าข้างใน, หัน
กลีบออกข้างนอก. พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นราวกะว่า แวดล้อมแล้วด้วย
แผ่นเงิน เสด็จไปแล้ว. ดอกไม้ทั้งหลาย แม้ไม่มีจิต อาศัยบุคคลผู้มีจิต
ไม่แยกกัน ไม่ตกลง ย่อมไปกับพระศาสดานั่นเทียว ย่อมหยุดในที่
ประทับยืน. รัศมีเป็นราวกะว่าสายฟ้าแลบตั้งแสนสาย ออกจากพระสรีระ
ของพระศาสดา. พระรัศมีที่ออก (จากพระกายนั้น) ออกทั้งข้างหน้า
ทั้งข้างหลัง ทั้งข้างขวาทั้งข้างซ้าย ทั้งเบื้องบนพระเศียร. พระรัศมี
แม้แต่สายหนึ่ง ไม่หายไปทางที่ตรงเบื้องพระพักตร์ แม้ทั้งหมดกระทำ
ประทักษิณพระศาสดา 3 รอบแล้ว รวมเป็นพระรัศมี มีประมาณเท่า
ลำตาลหนุ่ม พุ่งตรงไปข้างหน้าทางเดียว.

นายมาลาการบอกแก่ภรรยา


นครทั้งสิ้นเลื่องลือแล้ว. บรรดาชน 18 โกฏิ คือในภายในนคร
9 โกฏิ ภายนอกนคร 9 โกฏิ ชายหรือหญิงแม้คนหนึ่ง ชื่อว่าจะไม่
ถือเอาภิกษาออกไปย่อมไม่มี. มหาชนบันลือสีหนาท ทำการยกท่อนผ้า

ขึ้นตั้งพันอยู่ข้างหน้าของพระศาสดาเทียว. แม้พระศาสดาเพื่อจะทรงทำ
คุณของนายมาลาการให้ปรากฏ ได้เสด็จเที่ยวไปในพระนครประมาณ 3
คาวุต โดยหนทางเป็นที่เที่ยวไปด้วยยกลองนั้นเอง. สรีระทั้งสิ้น ของนาย
มาลาการเต็มเปี่ยมด้วยปีติมีวรรณะ 5. นายมาลาการนั้นเที่ยวไปกับพระ-
ตถาคตหน่อยหนึ่งเท่านั้น เข้าไปในภายในแห่งพุทธรัศมี เป็นราวกะว่า
จมลงในรสแห่งมโนสิลา ชมเชยถวายบังคมพระศาสดาแล้ว ได้ถือเอา
กระเช้าเปล่านั่นแลไปสู่เรือน.
ครั้งนั้น ภรรยาถามเขาว่า " ดอกไม้อยู่ที่ไหน ?"
มาลาการ. เราบูชาพระศาสดาแล้ว.
ภรรยา. บัดนี้ ท่านจักทำอะไรแด่พระราชาเล่า ?
มาลาการ. พระราชาจะทรงฆ่าเราก็ตาม ขับไล่จากแว่นแคว้น
ก็ตาม, เราสละชีวิตบูชาพระศาสดาแล้ว, ดอกไม้ทั้งหมดมี 8 กำ, บูชา
ชื่อเห็นปานนี้เกิดแล้ว, มหาชนทำการโห่ร้องตั้งพัน เที่ยวไปกับพระ-
ศาสดา นั่นเสียงโห่ร้องของมหาชนในที่นั้น.

ภรรยาไม่เลื่อมใสฟ้องพระราซา


ลำดับนั้น ภรรยาของเขาเป็นหญิงอันธพาล ไม่ยังความเลื่อมใส
ในพระปาฏิหาริย์เห็นปานนั้นให้เกิด ด่าเขาแล้ว กล่าวว่า " ธรรมดา
พระราชาทั้งหลาย เป็นผู้ดุร้าย กริ้วคราวเดียวก็กระทำความพินาศแม้
มาก ด้วยการตัดมือและเท้าเป็นต้น, ความพินาศพึงมีแม้แก่เรา เพราะ
กรรมที่เธอกระทำ" พาพวกบุตรไปสู่ราชตระกูล ผู้อันพระราชาตรัส