เมนู

บาลีโกสลสังยุต


จริงอยู่ พระธรรมสังคาหกาจารย์ กล่าวแม้คำนี้ไว้ในโกสลสังยุต1
" ก็โดยสมัยนั้นแล ยัญใหญ่เป็นอาการปรากฏเฉพาะ แก่พระเจ้าปเสนทิ-
โกศลแล้ว, โคอุสภะ 500 ลูกโคผู้ 500 ลูกโคตัวเมีย 500 แพะ
500 แกะ 500 ถูกนำเข้าไปหาหลักแล้ว เพื่อประโยชน์แก่ยัญ, สัตว์
เหล่านั้นแม้ใด คือทาสก็ดี, ทาสีก็ดี, คนใช้ก็ดี, กรรมกรก็ดี, ย่อมมี
เพื่อยัญนั้น, สัตว์แม้เหล่านั้น, ถูกเขาคุกคามด้วยอาญา ถูกภัยคุกคาม
แล้ว มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้ กระทำบริกรรม (คร่ำครวญ ) อยู่."

พระนางมัลลิกาทรงเปลื้องทุกข์ของสัตว์


มหาชน คร่ำครวญอยู่เพื่อประโยชน์แก่หมู่ญาติของตน ๆ ได้ร้อง
เสียงดังแล้ว; เสียงนั้น ได้เป็นราวกะว่าเสียงถล่มแห่งมหาปฐพี. ครั้งนั้น
พระนางมัลลิกาเทวี ทรงสดับเสียงนั้นแล้ว เสด็จไปสู่ราชสำนักทูลถามว่า
" ข้าแต่มหาราช เพราะเหตุไรหนอแล ? พระอินทรีย์ของพระองค์ไม่
เป็นปกติ พระองค์ย่อมทรงปรากฏดุจมีพระรูปอิดโรย."
ราชา. ประโยชน์อะไรของเธอเล่า ? มัลลิกา, เธอไม่รู้อสรพิษ
เลื้อยอยู่ในที่ใกล้หูของเราหรือ ?
มัลลิกา. นั้นเหตุอะไร ? พระเจ้าข้า.
ราชา. ในส่วนราตรี เราได้ยินเสียงชื่อเห็นปานนี้, เราจึงถาม
ปุโรหิต ได้สดับว่า 'อันตรายแห่งชีวิตย่อมปรากฏแก่พระองค์, พระ-
องค์ทรงบูชายัญ มีสัตว์ชนิดละ 100 ทุกชนิดแล้ว จักได้ชีวิต' เรา
1. สํ. ส. 15/109.

จึงคิดว่า 'ความเป็นอยู่ของเรานั่นแหละ เป็นลาภของเรา' จึงสั่งให้จับ
สัตว์เหล่านั้นไว้แล้ว.
พระนางมัลลิกาเทวี ทูลว่า "ข้าแต่มหาราช พระองค์เป็นคน
อันธพาล; ทรงมีภักษามก พระองค์ย่อมเสวยโภชนะอันหุงด้วยข้าวตั้ง
ทะนาน มีสูปะและพยัญชนะหลาก ๆ หลายอย่าง พระองค์ทรงราชย์ใน
แคว้นทั้งสอง ก็จริง แต่พระปัญญาของพระองค์ยังเขลา."
ราชา. เพราะเหตุไร ? เธอจึงพูดอย่างนั้น.
มัลลิกา. การได้ชีวิตของคนอื่น เพราะการตายของคนอื่น พระ-
องค์เคยเห็น ณ ที่ไหน ? เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงเชื่อถ้อยคำของ
พราหมณ์ผู้อันธพาลแล้ว โยนทุกข์ไปในเบื้องบนของมหาชนเล่า ? พระ-
ศาสดา ผู้เป็นอัครบุคคลของโลกทั้งเทวโลก มีพระญาณไม่ขัดข้องในกาล
ทั้งหลายมีอดีตกาลเป็นต้น ประทับอยู่ในวิหารใกล้เคียง, พระองค์ทูลถาม
พระศาสดานั้นแล้ว จงทรงกระทำตามพระโอวาทของพระองค์เถิด.
ครั้งนั้นแล พระราชา เสด็จไปวิหารกับพระนางมัลลิกา ด้วยยาน
เบา ถูกมรณภัยคุกคามแล้ว ไม่อาจทูลอะไร ๆ ได้ ถวายบังคมพระศาสดา
แล้ว ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทักทาย
พระราชานั้นก่อนว่า "เชิญเถิด มหาบพิตร พระองค์เสด็จมาจากไหนแต่
ยังวันนักเล่า ?" พระราชาแม้นั้น ก็ทรงนั่งนิ่งเงียบเสีย. ลำดับนั้น
พระนางมัลลิกา กราบทูลแด่พระผู้มีพระผู้มีภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ได้ทราบว่า พระราชาทรงสดับเสียง (ประหลาด) ในระหว่างแห่ง
มัชฌิมยาม, เมื่อเช่นนั้นท้าวเธอจึงทรงบอกเหตุนั้นแก่ปุโรหิต, ปุโรหิต
กราบทูลว่า 'อันตรายแห่งชีวิตจักมีแก่พระองค์, เมื่อพระองค์จับสัตว์อย่างละ

100 ทุกชนิด บูชายัญด้วยโลหิตในคอของสัตว์เหล่านั้น เพื่อประโยชน์
แก่อันขจัดอันตรายนั้น. พระองค์จักได้ชีวิต,' พระราชาให้จับสัตว์ไว้
เป็นอันมาก; เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงนำพระราชามา ณ ที่นี้."
พระศาสดา. ได้ยินว่า อย่างนั้นหรือ ? มหาบพิตร.
ราชา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เสียง พระองค์ทรงสดับแล้ว อย่างไร ?
พระราชานั้น ทูลโดยทำนองที่พระองค์สดับแล้ว. แสงสว่างเป็น
อันเดียวได้ปรากฏแด่พระตถาคต เพราะทรงสดับเนื้อความนั้น. ลำดับ
นั้น พระศาสดา ตรัสกะพระราชานั้นว่า "พระองค์อย่าทรงหวาดหวั่น
เลย มหาบพิตร, อันตรายไม่มีแก่พระองค์, สัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมลามก
เมื่อกระทำทุกข์ของตน ๆ ให้แจ้ง จึงกล่าวอย่างนี้." พระราชา ทูลว่า
" ก็กรรมอะไร ? อันสัตว์เหล่านั้นกระทำไว้ พระเจ้าข้า."

พระศาสดาทรงแสดงโทษปรทาริกกรรม


พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงกรรมของสัตว์นรกเหล่านั้น จึง
ตรัสว่า "ถ้ากระนั้น พระองค์จงทรงสดับ มหาบพิตร" แล้วทรงนำ
อดีตนิทานมา (ตรัส) ว่า:-
ในอดีตกาล เมื่อมนุษย์มีอายุ 2 หมื่นปี พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนาม
ว่า กัสสป อุบัติขึ้นในโลก เสด็จเที่ยวจาริกไปกับด้วยพระขีณาสพ 2 หมื่น
ได้เสด็จถึงกรุงพาราณสี. ชาวกรุงพาราณสี 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง มาก
กว่าบ้าง รวมเป็นพวกเดียวกัน ยังอาคันตุกทานให้เป็นไปแล้ว. ในกาล
นั้น ในกรุงพาราณสีได้มีเศรษฐีบุตร 4 คน มีสมบัติ 40 โกฏิ เป็น