เมนู

เป็นผู้ไม่ประมาท บำรุงพระราชานั้นแล้ว. พระราชาไม่ทรงเห็นช่อง
(โทษ) แห่งบุรุษนั้น เมื่อความเร่าร้อนเพราะกามเจริญอยู่. ทรงดำริว่า
" เราจะยกโทษของบุรุษนั้นขึ้นสักอย่างหนึ่ง แล้วลงราชอาญา" จึงรับ
สั่งให้เรียกบุรุษนั้นมาแล้ว ตรัสอย่างนั้นว่า " ผู้เจริญ เธอจงไปจากที่นี้
ที่ชื่อโน้น แห่งแม่น้ำในที่สุดประมาณ 5 โยชน์ นำเอาดอกโกมุท
ดอกอุบลและดินสีอรุณมา (ให้ทัน) ในเวลาเราอาบน้ำในเวลาเย็น, ถ้า
เธอไม่พึงมาในขณะนั้น, เราจักลงอาญาแก่เธอ."

ความลำบากในราชสำนัก


ได้ยินว่า เสวก ( ผู้เข้าเฝ้า ) ลำบากกว่าทาสแม้ทั้งสี่. จริงอยู่
ทาสทั้งหลาย มีทาสที่เขาไถ่มาด้วยทรัพย์เป็นต้น ยังได้เพื่อจะพูดว่า
" ผมปวดศีรษะ, ผมปวดหลัง" แล้วพักผ่อน.
คำที่ทาสทั้งหลายกล่าวแล้วได้พักผ่อนนั่น ย่อมไม่มีแก่เสวก,
เสวกควรทำการงานตามรับสั่งเท่านั้น; เพราะเหตุนั้น บุรุษนั้น คิดอยู่ว่า
" เราต้องไปเป็นแน่แท้. ชื่อว่าดินสีอรุณกับดอกโกมุทและดอกอุบล ย่อม
เกิดในภพแห่งนาค, เราจักได้ที่ไหน ?" กลัวแต่มรณภัย ไปเรือนแล้ว
กล่าวว่า "หล่อน ภัตสำหรับฉันสำเร็จแล้วหรือ ?" ภรรยา กล่าวว่า
" ยังตั้งอยู่บนเตา นาย." เขาไม่อาจจะรออยู่ จนกว่าภรรยาจะปลงภัต
ลงได้ จึงให้ภรรยาเอากระบวยตักน้ำข้าวเท (ปนกับ ) ข้าวที่แฉะนั้นเอง
ลงในกระเช้าพร้อมด้วยกับตามแต่จะได้ ถือเอาแล้ว เดินดุ่มไปแล้วสิ้นทาง
โยชน์หนึ่ง.
เมื่อเขากำลังเดินไปนั่นแหละ ภัตได้สุกแล้ว. เขาแบ่งภัตไว้หน่อ

หนึ่ง กระทำไม่ให้เป็นเดนบริโภคอยู่ พบคนเดินทางคน หนึ่งจึงกล่าวว่า
" ภัตหน่อยหนึ่งเท่านั้น ฉันแบ่งออกกระทำไม่ให้เป็นเดนมีอยู่, เธอจงรับ
ไปบริโภคเถิด นาย." เขารับไปบริโภคแล้ว. แม้บุรุษนอกนี้ ก็โปรย
ภัตลงในน้ำกำมือหนึ่ง บ้วนปากแล้ว ประกาศขึ้น 3 ครั้งด้วยเสียงอัน
ดังว่า "ขอพวกนาค ครุฑและเทวดา ผู้สิงอยู่ในประเทศแห่งแม่น้ำนี้
จงฟังคำของข้าพเจ้า; พระราชาทรงปรารถนาจะลงอาญาแก่ข้าพเจ้า
ทรงบังคับข้าพเจ้าว่า "เธอจงนำเอาดินสีอรุณกับดอกโกมุทและดอกอุบล
มา," ก็ภัตที่ข้าพเจ้าให้แก่มนุษย์เดินทางแล้ว, ทานที่ข้าพเจ้าให้แล้วนั้น
มีอานิสงส์ตั้งพัน, ภัตที่ข้าพเจ้าให้แก่ปลาทั้งหลายในน้ำ, ทานที่ข้าพเจ้า
ให้นั้นมีอานิสงส์ตั้งร้อย, ข้าพเจ้าให้ผลบุญประมาณเท่านี้ ให้เป็นส่วนบุญ
แก่ท่านทั้งหลาย; ท่านทั้งหลายจงนำดินสีอรุณกับดอกโกมุทและดอกอุบล
มาให้แก่ข้าพเจ้าเถิด."
พระยานาค ผู้อาศัยอยู่ในประเทศนั้น ได้ยินเสียงนั้น จึงไปสู่
สำนักบุรุษนั้น ด้วยเพศแห่งคนแก่ กล่าวว่า " ท่านพูดอะไร ? บุรุษ
นั้น จึงกล่าวซ้ำอย่างนั้นนั่นแหละ, เมื่อพระยานาค กล่าวว่า " ท่าน
จงให้ส่วนบุญนั้นแก่เรา," จึงกล่าวว่า " เราให้ นาย " เมื่อพระยานาค
กล่าวแม้อีกว่า "ท่านจงให้" ก็กล่าว (ยืนคำ) ว่า "เราให้ นาย,"
พระยานาคนั้น ให้น้ำส่วนบุญมาอย่างนั้นสิ้น 2 - 3 คราวแล้ว จึงได้
ให้ดินสีอรุณกับดอกโกมุทและดอกอุบล (แก่บุรุษนั้น).
ฝ่ายพระราชา ทรงดำริว่า ธรรมดามนุษย์ทั้งหลาย มีมนต์มาก,
ถ้าบุรุษนั้น พึงได้ (ของนั้น) ด้วยอุบายบางอย่างไซร้, กิจของเราก็ไม่
พึงสำเร็จ," ท้าวเธอรับสั่งให้ปิดประตู (เมือง) เสียแต่วันทีเดียว แล้ว

ให้นำลูกดาลไปยังสำนักของพระองค์.
บุรุษแม้นอกนี้ มาทันในเวลาพระราชาทรงสรงสนานเหมือนกัน
เมื่อไม่ได้ประตู จึงเรียกคนยามประตู กล่าวว่า "ท่านจงเปิดประตู."
คนยามประตูกล่าวว่า "เราไม่อาจจะเปิดได้. พระราชารับสั่งให้นำลูกดาล
ไปสู่พระราชมนเทียรแต่กาลยังวันทีเดียว." บุรุษนั้น แม้บอกว่า " เรา
เป็นราชทูต, ท่านจงเปิดประตู" เมื่อไม่ได้ประตู จึงคิดว่า " บัดนี้
เราจะไม่มีชีวิต. เราจักทำอย่างไรหนอแล ?" แล้วโยนก้อนดินไปที่ธรณี
ประตูข้างบน แขวนโอกไม้ไว้บนธรณีประตูนั้น ตะโกนร้องขึ้น 3 ครั้ง
ว่า "ชาวพระนคร ผู้เจริญทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลาย จงรู้ความที่กิจ
อันข้าพเจ้ากระทำตามรับสั่งของพระราชาแล้วเถิด; พระราชาทรงใคร่จะ
ยังเราให้พินาศ ด้วยเหตุไม่สมควร" แล้วคิดอยู่ว่า " เราจักไปที่ไหน
หนอแล ? ได้ทำความตกลงใจว่า "ธรรมดาภิกษุทั้งหลาย มีใจอ่อนโยน.
เราจักไปสู่วิหารแล้วนอน." ธรรมดาสัตว์เหล่านี้ ในเวลาได้รับสุข ไม่
ทราบแม้ความที่ภิกษุทั้งหลายมีอยู่ พอถูกทุกข์ครอบงำ จึงปรารถนาจะไป
วิหาร; เพราะเหตุนั้น แม้บุรุษนั้น ก็คิดว่า " ที่พึ่งอย่างอื่นของเราไม่มี"
จึงไปยังวิหาร นอนอยู่ในที่สำราญแห่งหนึ่ง แม้เมื่อพระราชา ไม่ได้การ
หลับอยู่ตลอดราตรี ทรงรำพึงถึงหญิงอยู่, ความรุ่มร้อนเพราะกามเกิดขึ้น
แล้ว. ท้าวเธอทรงคิดว่า "ในขณะที่ราตรีสว่างแล้วนั่นแหละ เราจักให้
ฆ่าบุรุษนั้นเสีย แล้วให้นำเอาหญิงนั้นมา."

เรื่องของเปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.


ในขณะนั้นนั่นแล บุรุษ 4 คนที่เกิดในนรก ชื่อโลหกุมภี ซึ่ง
ลึกได้ 60 โยชน์ ถูกไฟนรกไหม้กลิ้งไปมาอยู่ ดุจข้าวสารในหม้อที่