เมนู

หยากเยื่อ. บทว่า ปุถุชฺชเน ความว่า ซึ่งโลกิยมหาชนทั้งหลาย ผู้มีชื่อ
อันได้แล้วอย่างนั้น เพราะยังกิเลสหนาให้เกิด.
พระผู้มีพระภาคตรัสคำนี้ไว้ว่า "ดอกบัวมีกลิ่นดี พึงเกิดในกอง
หยากเยื่อ อันบุคคลทิ้งแล้วใกล้ทางใหญ่ แม้ไม้สะอาด น่าเกลียด ปฏิกูล
ดอกบัวนั้น พึงเป็นที่ชอบใจ คือ พึงเป็นของน่าใคร่ พึงใจ ได้แก่
พึงเป็นของควรประดิษฐานไว้เหนือกระหม่อมแห่งอิสรชนทั้งหลาย มี
พระราชาและมหาอำมาตย์ของพระราชาเป็นต้น ชื่อฉันใด; สาวกของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือภิกษุผู้ขีณาสพ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อปุถุชน
แม้เป็นดังกองหยากเยื่อเกิดแล้ว แม้เกิดในระหว่างแห่งมหาชน ผู้ไม่มี
ปัญญา ไม่มีจักษุ ย่อมไพโรจน์ล่วงด้วยกำลังแห่งปัญญาของตน เห็น
โทษในกามทั้งหลาย และอานิสงส์ในการออกบวช ออกบวชแล้ว ย่อม
ไพโรจน์ล่วง แม้ด้วยคุณสักว่าการบรรพชา, แม้ยก (ตน) ขึ้นสู่ศีล
สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ยิ่งกว่าคุณสักว่าการบรรพชา
นั้น ก็ย่อมไพโรจน์ คืองามล่วง ซึ่งปุถุชนผู้มืดทั้งหลาย."

ครหทินน์กับสิริคุตต์บรรลุโสดาปัตติผล


ในเวลาจบเทศนา ความตรัสรู้ธรรม ได้มีแล้วแก่สัตว์ 8 หมื่น
4 พัน. ครหทินน์และสิริคุตต์บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. สองคนนั้น หว่าน
ทรัพย์ของตนทั้งหมดลงในพระพุทธศาสนาแล้ว. พระศาสดาได้เสด็จลุก
จากอาสนะ ไปสู่วิหาร.
ภิกษุทั้งหลาย ยังกถาให้ตั้งขึ้นในโรงธรรมเวลาเย็นว่า "น่า
เลื่อมใส ธรรมดาคุณของพระพุทธเจ้า น่าอัศจรรย์, ดอกบัวผุดขึ้น

ทำลายกองถ่านตะเคียน ชื่อเห็นปานนั้นแล้ว." พระศาสดาเสด็จมาแล้ว
ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยกกถา
อะไรหนอ ? เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า "ด้วยกถาชื่อนี้" แล้ว
จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ดอกบัวผุดขึ้นแต่กองถ่านเพลิงเพื่อเรา
ผู้เป็นพระพุทธเจ้า ในกาลบัดนี้ ไม่น่าอัศจรรย์ ในกาลก่อนดอกบัว
เหล่านั้น ก็ผุดขึ้นแล้วเพื่อเรา แม้ผู้เป็นโพธิสัตว์ เป็นไปอยู่ในประเทศ
ญาณ," อันภิกษุเหล่านั้น ทูลอ้อนวอนว่า " ในกาลไร พระเจ้าข้า,
ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย" ดังนี้แล้ว จึงทรงนำอดีต
นิทานมา ตรัสขทิรังคารชาดก1 นี้ ให้พิสดารว่า :-
" เรามีเท้าขึ้นเบื้องบน มีศีรษะลงเบื้องต่ำ
จะตกสู่เหวโดยแท้ เราจักไม่ทำกรรมอันมิใช่ของ
พระอริยะ, เชิญท่านรับก้อนข้าวเถิด"
ดังนี้แล.
เรื่องครหทินน์ จบ.
ปุปผวรรควรรณนา จบ.
วรรคที่ 4 จบ.
1. ขุ. ชา. 27/13 อรรถกถา. 1/338.

คาถาธรรมบท


พาลวรรค1ที่ 5


ว่าด้วยคนพาลร้อยกว่าทุกอย่าง


[15] 1. ราตรีของคนผู้ตื่นอยู่นาน โยชน์ของคนล้า
แล้วไกล สงสารของคนพาลทั้งหลาย ผู้ไม่รู้อยู่ซึ่ง
สัทธรรมย่อมยาว.

2. ถ้าบุคคลเมื่อเที่ยวไป ไม่พึงประสบสหาย
ผู้ประเสริฐกว่า ผู้เช่นกับ (ด้วยคุณ) ของคนไซร้
พึงทำความเที่ยวไปคนเดียวให้มั่น เพราะว่า คุณ
เครื่องเป็นสหายย่อมไม่มีในเพราะคนพาล.

3. คนพาลย่อมเดือดร้อนว่า บุตรทั้งหลาย
ของเรามีอยู่ ทรัพย์ ( ของเรา) มีอยู่ ตนแลย่อม
ไม่มีแก่ตน บุตรทั้งหลายจักมีแต่ที่ไหน ทรัพย์จักมี
แต่ที่ไหน.

4. บุคคลใดโง่ ย่อมสำคัญความที่ตนเป็น
คนโง่ บุคคลนั้นจะเป็นบัณฑิต เพราะเหตุนั้นได้บ้าง
สวนบุคคลใดเป็นคนโง่ มีความสำคัญว่าตนเป็น
บัณฑิต บุคคลนั้นแล เราเรียกว่าคนโง่.

5. ถ้าคนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่แม้จน
1. วรรคนี้ มีอรรถกถา 15 เรื่อง