เมนู

สัตว์ไม่รู้คุณพระศาสนาเพราะไร้ปัญญา


พระศาสดา เมื่อจะทรงทำอนุโมทนา ตรัสว่า " สัตว์เหล่านั้นไม่รู้คุณ
แห่งสาวกของเรา และแห่งพระพุทธศาสนา เพราะความไม่มีปัญญาจักษุ
ชื่อว่าผู้มืด, ผู้มีปัญญา ชื่อว่ามีจักษุ" ดังนี้แล้ว ได้ตรัสพระคาถา
เหล่านั้นว่า :-
12. ยถา สงฺการธานสฺนึ อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ
ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ สุจิคนฺธํ มโนรมํ
เอวํ สงฺการภูเตสุ อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน
อติโรจติ ปญฺญาย สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก
"ดอกบัวมีกลิ่นดี พึงเกิดในกองหยากเยื่อ อัน
บุคคลทิ้งแล้วใกล้ทางใหญ่ ดอกบัวนั้น1 พึงเป็นที่
ชอบใจ ฉันใด, สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ
ปุถุชนเป็นดังกองหยากเยื่อเกิดแล้ว ย่อมไพโรจน์
ล่วงซึ่งปุถุชนผู้มืดทั้งหลาย ด้วยปัญญา ฉันนั้น."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สงฺการธานสฺมึ คือ ในที่ทิ้งหยาก
เยื่อ อธิบายว่า ในกองหยากเยื่อ. สองบทว่า อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ
คือ อันบุคคลทิ้งแล้วใกล้ทางใหญ่. บทว่า สุจิคนฺธํ คือ มีกลิ่นหอม.
บทว่า มโนรมํ มีวิเคราะห์ว่า ใจย่อมยินดีในดอกบัวนี้ เหตุนั้น ดอกบัว
นั้น ชื่อว่า เป็นที่รื่นรมย์แห่งใจ. บทว่า สงฺการภูเตสุ คือ เป็นดัง
1. ที่แปลอย่างนี้ แปลตามนัยอรรถกถา. แต่บางท่านแปล ตตฺถ เป็นวิเสสนะ ของ สงฺการ-
ธานสฺมึ.

หยากเยื่อ. บทว่า ปุถุชฺชเน ความว่า ซึ่งโลกิยมหาชนทั้งหลาย ผู้มีชื่อ
อันได้แล้วอย่างนั้น เพราะยังกิเลสหนาให้เกิด.
พระผู้มีพระภาคตรัสคำนี้ไว้ว่า "ดอกบัวมีกลิ่นดี พึงเกิดในกอง
หยากเยื่อ อันบุคคลทิ้งแล้วใกล้ทางใหญ่ แม้ไม้สะอาด น่าเกลียด ปฏิกูล
ดอกบัวนั้น พึงเป็นที่ชอบใจ คือ พึงเป็นของน่าใคร่ พึงใจ ได้แก่
พึงเป็นของควรประดิษฐานไว้เหนือกระหม่อมแห่งอิสรชนทั้งหลาย มี
พระราชาและมหาอำมาตย์ของพระราชาเป็นต้น ชื่อฉันใด; สาวกของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือภิกษุผู้ขีณาสพ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อปุถุชน
แม้เป็นดังกองหยากเยื่อเกิดแล้ว แม้เกิดในระหว่างแห่งมหาชน ผู้ไม่มี
ปัญญา ไม่มีจักษุ ย่อมไพโรจน์ล่วงด้วยกำลังแห่งปัญญาของตน เห็น
โทษในกามทั้งหลาย และอานิสงส์ในการออกบวช ออกบวชแล้ว ย่อม
ไพโรจน์ล่วง แม้ด้วยคุณสักว่าการบรรพชา, แม้ยก (ตน) ขึ้นสู่ศีล
สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ยิ่งกว่าคุณสักว่าการบรรพชา
นั้น ก็ย่อมไพโรจน์ คืองามล่วง ซึ่งปุถุชนผู้มืดทั้งหลาย."

ครหทินน์กับสิริคุตต์บรรลุโสดาปัตติผล


ในเวลาจบเทศนา ความตรัสรู้ธรรม ได้มีแล้วแก่สัตว์ 8 หมื่น
4 พัน. ครหทินน์และสิริคุตต์บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. สองคนนั้น หว่าน
ทรัพย์ของตนทั้งหมดลงในพระพุทธศาสนาแล้ว. พระศาสดาได้เสด็จลุก
จากอาสนะ ไปสู่วิหาร.
ภิกษุทั้งหลาย ยังกถาให้ตั้งขึ้นในโรงธรรมเวลาเย็นว่า "น่า
เลื่อมใส ธรรมดาคุณของพระพุทธเจ้า น่าอัศจรรย์, ดอกบัวผุดขึ้น