เมนู

อย่าทรงรับ." พระศาสดาทรงพิจารณาว่า " ครหทินน์นั้น ใคร่จะถวาย
แก่เราหรือหนอแล ?" ได้ทรงเห็นว่า "ครหทินน์นั้น ให้คนขุดหลุม
ใหญ่ในระหว่างเรือน 2 หลังแล้ว ให้คนนำไม้ตะเคียนมาประมาณ 80
เล่มเกวียนจุดไฟแล้ว ต้องการจะให้เราตกลงในหลุมถ่านเพลิงแล้วข่มขี่"
ทรงพิจารณาอีกว่า "เพราะเราไปในที่นั้นเป็นปัจจัย ประโยชน์จะมีหรือ
ไม่มีหนอแล ? ลำดับนั้น ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า " เราจักเหยียดเท้า
บนหลุมถ่านเพลิง. เสื่อลำแพนที่วางปิดหลุมถ่านเพลิงนั้น จักหายไป,
ดอกบัวใหญ่ประมาณเท่าล้อ จักผุดขึ้นทำลายหลุมถ่านเพลิง, เมื่อเป็น
เช่นนั้น เราจักเหยียบกลีบบัว ไปนั่งบนอาสนะ, ภิกษุทั้ง 500 จักไป
นั่งอย่างนั้นเหมือนกัน; มหาชนจักประชุมกัน, เราจักทำอนุโมทนาด้วย
คาถา 2 คาถา ในสมาคมนั้น, ในเวลาจบอนุโมทนา ความตรัสรู้ธรรม
จักมีแก่สัตว์ 8 หมื่น 4 พัน. สิริคุตต์และครหทินน์ จักเป็นโสดาบัน
จักหว่านกองทรัพย์ของตน ๆ ในศาสนา; การที่เราอาศัยกุลบุตรนี้ไป
ย่อมสมควร" ดังนี้แล้ว จึงทรงรับภิกษา. สิริคุตต์ทราบการรับของ
พระศาสดาแล้ว จึงบอกแก่ครหทินน์ แล้วบอกว่า "ท่านจงทำสักการะ
แก่พระโลกเชษฐ์."

ครหทินน์เตรียมรับพระศาสดา


ครหทินน์ คิดว่า "บัดนี้ เราจักรู้กิจที่ควรทำแก่พระสมณโคดม
นั้น" จึงให้ขุดหลุมใหญ่ไว้ในระหว่างเรือน 2 หลัง ให้นำไม้ตะเคียน
มาประมาณ 80 เล่มเกวียน ให้จุดไฟสุมตลอดคืนยังรุ่งแล้ว ให้ทำกอง
ถ่านเพลิงไม้ตะเคียนไว้ วางไม้เรียบบนปากหลุม ให้ปิดด้วยเสื่อลำแพน

ให้ทาด้วยโคมัย ลาดท่อนไม้ผุไว้โดยข้างหนึ่งแล้ว ให้ทำทางเป็นที่ไป
สำคัญอยู่ว่า "ในเวลาที่พวกสมณะเหยียบแล้ว ๆ อย่างนั้น เมื่อท่อนไม้
ทั้งหลายหักแล้ว พวกสมณะจักกลิ้งตกไปในหลุมถ่านเพลิง." ให้ทั้งตุ่ม
ไว้ในภาคแห่งหลังเรือน โดยวิธีที่สิริคุตต์ตั้งแล้วเหมือนกัน. ให้ปูแม้
อาสนะทั้งหลายไว้อย่างนั้นเหมือนกัน. สิริคุตต์ไปเรือนของครหทินน์นั้น
แต่เช้าตรู่แล้ว กล่าวว่า "สหาย ท่านทำสักการะแล้วหรือ?
ครหินน์. เออ สหาย
สิริคุตต์. ก็ สักการะนั่น อยู่ที่ไหน ?
ครหทินน์ ตอบว่า "จงมา, จะดูกัน" แล้วแสดงของทั้งหมด
โดยวิธีที่สิริคุตต์แสดงแล้วเหมือนกัน. สิริคุตต์กล่าวว่า "ดีละสหาย."
มหาชน ประชุมแล้ว. ก็เมื่อพระศาสดา อันคนผู้มิจฉาทิฏฐินิมนต์แล้ว
การประชุมใหญ่ ย่อมมี. ฝ่ายพวกมิจฉาทิฏฐิย่อมประชุมกัน ด้วยคิดว่า
" พวกเราจักเห็นประการอันแปลกของพระสมณโคดม." ฝ่ายพวก
สัมมาทิฏฐิ ย่อมประชุมกัน ด้วยคิดว่า "วันนี้ พระศาสดา จักทรง
แสดงธรรมเทศนาอย่างใหญ่ พวกเราจักกำหนดพุทธวิสัย พุทธลีลา."
ในวันรุ่งขึ้น พระศาสดา ได้เสด็จไปประตูเรือนของครหทินน์ กับภิกษุ
500 รูป. ครหทินน์นั้น ออกจากเรือนแล้ว ถวายบังคมด้วยเบญจางค-
ประดิษฐ์ ยืนประคองอัญชลีอยู่เบื้องพระพักตร์ คิดว่า "พระเจ้าข้า
อุปัฏฐากของพระองค์ บอกแก่ข้าพระองค์อย่างนี้ว่า 'ได้ยินว่า พระองค์
ย่อมทรงทราบเหตุทุกอย่าง ต่างโดยเหตุที่เป็นอดีตเป็นต้น, ย่อมทรง
กำหนดจิตของสัตว์ทั้งหลาย โดยอาการ 16 อย่างได้, ถ้าพระองค์ทรง
ทราบอยู่ ขอพระองค์อย่าเสด็จเข้าไปสู่เรือนของข้าพระองค์, เพราะเมื่อ

พระองค์เสด็จเข้าไปแล้ว ข้าวยาคูไม่มีเลย ภัตเป็นต้นก็ไม่มี, ก็แล
ข้าพระองค์จักยังท่านทั้งหมด ให้ตกลงในหลุมถ่านเพลิงแล้วข่มขี่." ครั้น
คิดอย่างนั้นแล้ว จึงรับบาตรของพระศาสดา กราบทูลว่า "ขอพระผู้มี-
พระภาคเจ้า จงเสด็จมาทางนี้" แล้วกราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ผู้มาสู่เรือน
ของข้าพระองค์ รู้ธรรมเนียมแล้วมา จึงสมควร."
พระศาสดา. เราทำอย่างไร จึงควรเล่า ? ท่าน.
ครหทินน์. ในเวลาที่ภิกษุรูปหนึ่ง ๆ เข้าไปข้างหน้า นั่งแล้ว
ภิกษุอื่นมาในภายหลัง จึงควร.
ได้ยินว่า ครหทินน์นั้น ได้มีความปริวิตกอย่างนี้ว่า "ภิกษุที่
เหลือ เห็นภิกษุผู้ไปข้างหน้า ตกลงในหลุมถ่านเพลิงแล้ว จักไม่มา.
เราจักให้ภิกษุตกลงทีละรูป ๆ เท่านั้นแล้วข่มขี่." พระศาสดา ตรัสว่า
" ดีละ " แล้วเสด็จเข้าไปแต่พระองค์เดียว. ครหทินน์ ถึงหลุมถ่านเพลิง
แล้ว ถอยออกไปยืนอยู่ กราบทูลว่า "ขอพระองค์เสด็จไปข้างหน้าเถิด
พระเจ้าข้า."

ครหทินน์เลื่อมใสพระพุทธเจ้า


ลำดับนั้น พระศาสดา ทรงเหยียดพระบาทลงเหนือหลุมถ่านเพลิง,
เสื่อลำแพน หายไปแล้ว, ดอกบัวประมาณเท่าล้อผุดขึ้นทำลายหลุม
ถ่านเพลิง พระศาสดา ทรงเหยียบกลีบบัว เสด็จไปประทับนั่งลงบน
พุทธอาสน์ ที่เขาปูลาดไว้. แม้ภิกษุทั้งหลาย ก็ไปนั่งบนอาสนะอย่างนั้น
เหมือนกัน. ความเร่าร้อนตั้งขึ้นแต่กายของครหทินน์แล้ว . เขาไปโดย
เร็ว เข้าไปหาสิริคุตต์ บอกว่า " นาย ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของ
ข้าพเจ้า."