เมนู

นางวิสาขา ทูลนิมนต์พระศาสดา แม้เพื่อเสวยในวันรุ่งขึ้น. แม้
ในวันรุ่งขึ้น แม่ผัวได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. จำเดิมแต่กาลนั้น เรือน
หลังนั้น ได้เปิดประตูแล้วเพื่อพระศาสนา.

มิคารเศรษฐีทำเครื่องประดับให้นางวิสาขา


ลำดับนั้น เศรษฐีคิดว่า " สะใภ้ของเรา มีอุปการะมาก, เรา
จักทำบรรณาการให้แก่นาง, เพราะเครื่องประดับของสะใภ้นั้นหนัก,
ไม่อาจเพื่อประดับตลอดกาลเป็นนิตย์ได้, เราจักให้ช่างทำเครื่องประดับ
อย่างเบา ๆ แก่นาง ควรแก่การประดับในทุกอิริยาบถ ทั้งในกลางวัน
และกลางคืน" ดังนี้แล้ว จึงให้ช่างทำเครื่องประดับ ชื่อฆนมัฏฐกะ
อันมีราคาแสนหนึ่ง, เมื่อเครื่องประดับนั้นเสร็จแล้ว, นิมนต์พระภิกษุ
สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขให้ฉัน โดยความเคารพแล้ว ให้นาง
วิสาขาอาบน้ำด้วยหม้อน้ำหอม 16 หม้อ ให้ยืนถวายบังคมพระศาสดา
ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระศาสดาแล้ว. พระศาสดาทรงทำอนุโมทนา
แล้ว เสด็จไปสู่วิหารตามเดิม.

นางวิสาขามีกำลังเท่าช้าง 5 เชือก


จำเดิมแต่กาลนั้น แม้นางวิสาขา ทำบุญมีทานเป็นต้นอยู่ ได้
พร 8 ประการ จากสำนักพระศาสดา ปรากฏประหนึ่งจันทเลขา
(วงจันทร์) ในกลางหาว ถึงความเจริญด้วยบุตรและธิดาแล้ว. ได้
ทราบมาว่า นางมีบุตร 10 คน มีธิดา 10 คน, บรรดาบุตร (ชายหญิง )
เหล่านั้น คนหนึ่ง ๆ ได้มีบุตรคนละ 10 คน มีธิดาคนละ 10 คน, บรรดา

หลานเหล่านั้น คนหนึ่ง ๆ ได้มีบุตรคนละ 10 คน มีธิดาคนละ 10 คน.
จำนวนคน ได้มีตั้ง 8,420 คน เป็นไปด้วยสามารถแห่งความสืบเนื่อง
แห่งบุตรหลานและเหลน ของนางวิสาขานั้น อย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้.
นางวิสาขาเอง ก็ได้มีอายุ 120 ปี. ชื่อว่าผมหงอกบนศีรษะแม้เส้นหนึ่ง
ก็ไม่มี. นางได้เป็นประหนึ่งเด็กหญิงรุ่นอายุราว 16 ปี เป็นนิตย์. ชน
ทั้งหลาย เห็นนางมีบุตรและหลานเป็นบริวารเดินไปวิหาร ย่อมถามกัน
ว่า "ในหญิงเหล่านี้ คนไหน นางวิสาขา ?. ชนผู้เห็นนางเดินไปอยู่
ย่อมคิดว่า 'บัดนี้ขอจงเดินไปหน่อยเถิด. แม่เจ้าของเราเดินไปอยู่เทียว
ย่อมงาม." ชนที่เห็นนางยืน นั่ง นอน ก็ย่อมคิดว่า "บัดนี้ จงนอน
หน่อยเถิด, แม่เจ้าของเรานอนแล้วแล ย่อมงาม." นางได้เป็นผู้อัน
ใคร ๆ พูดไม่ได้ว่า "ในอิริยาบถทั้ง 4 นางย่อมไม่งามในอิริยาบถ
ชื่อโน้น" ด้วยประการฉะนี้. ก็นางวิสาขานั้น ย่อมทรงกำลังเท่าช้าง
5 เชือก. พระราชาทรงสดับว่า " ได้ทราบว่า นางวิสาขา ทรงกำลัง
เท่าช้าง 5 เชือก" ในเวลานางไปวิหารฟังธรรมแล้วกลับมา มีพระ-
ประสงค์จะทดลองกำลัง จึงรับสั่งให้ปล่อยช้างไป. ช้างนั้นชูงวง ได้วิ่ง
รี่เข้าใส่นางวิสาขาแล้ว . หญิงบริวารของนาง 500 บางพวกวิ่งหนีไป,
บางพวกไม่ละนาง, เมื่อนางวิสาขาถามว่า " อะไรกันนี่ ? " จึงบอก
ว่า " แม่เจ้า ได้ทราบว่า พระราชาทรงประสงค์จะทดลองกำลังแม่เจ้า
จึงรับสั่งให้ปล่อยช้าง." นางวิสาขา คิดว่า "ประโยชน์อะไร ด้วยการ
เห็นช้างนี้แล้ววิ่งหนีไป, เราจักจับช้างนั้นอย่างไรหนอแล ?" จึงคิดว่า
" ถ้าเราจับช้างนั้นอย่างมั่นคง, ช้างนั้นจะพึงฉิบหาย" ดังนี้แล้ว จึง
เอานิ้ว 2 นิ้ว จับงวงแล้วผลักไป. ช้างไม่อาจทรงตัวอยู่ได้, ได้ซวน

ล้มลงที่พระลานหลวงแล้ว. มหาชนได้ให้สาธุการ. นางพร้อมกับบริวาร
ได้กลับเรือนโดยสวัสดีแล้ว.

นางวิสาขาลืมเครื่องประดับไว้ที่วิหาร


ก็โดยสมัยนั้นแล นางวิสาขามิคารมารดา มีบุตรมาก มีหลาน
มาก มีบุตรหาโรคมิได้ มีหลานหาโรคมิได้ สมมติกัน ว่า เป็นมงคล
อย่างยิ่ง ในกรุงสาวัตถี. บรรดาบุตรหลานตั้งพัน มีจำนวนเท่านั้น
แม้คนหนึ่ง ที่ชื่อว่า ถึงความตายในระหว่าง มิได้มีแล้ว. ในงาน
มหรสพที่เป็นมงคล ชาวกรุงสาวัตถี ย่อมอัญเชิญนางวิสาขาให้บริโภค
ก่อน. ต่อมา ในวันมหรสพวันหนึ่ง เมื่อมหาชนแต่งตัวไปวิหารเพื่อ
ฟังธรรม, แม้นางวิสาขา บริโภคในที่ที่เขาเชิญแล้ว ก็แต่งเครื่อง
มหาลดาปสาธน์ ไปวิหารกับด้วยมหาชน ได้เปลื้องเครื่องอาภรณ์ให้แก่
หญิงคนใช้ไว้, ที่พระธรรมสังคาหกาจารย์กล่าวหมายเอาคำนี้ว่า1 "ก็โดย
สมัยนั้นแล ในกรุงสาวัตถี มีการมหรสพ, มนุษย์ทั้งหลายแต่งตัวแล้ว
ไปวัด. แม้นางวิสาขามิคารมารดา ก็แต่งตัวไปวิหาร. ครั้งนั้นแล นาง
วิสาขามิคารมารดา เปลื้องเครื่องประดับ ผูกให้เป็นห่อที่ผ้าห่มแล้วได้
(ส่ง ) ให้หญิงคนใช้ว่า "นี่แน่ะ แม่ เจ้าจงรับห่อนี้ไว้."
ได้ยินว่า นางวิสาขานั้น เมื่อกำลังเดินไปวิหาร คิดว่า "การ
ที่เราสวมเครื่องประดับมีค่ามากเห็นปานนี้ไว้บนศีรษะ แล้วประดับเครื่อง
อลังการจนถึงหลังเท้า เข้าไปสู่วิหาร ไม่ควร" จึงเปลื้องเครื่องประดับ
นั้นออกห่อไว้ แล้วได้ส่งให้ในมือหญิงคนใช้ ผู้ทรงกำลังเท่าช้าง 5 เชือก
1. วิ. มหาวิภังค์ 2/489.