เมนู

ศักดิ์ใหญ่สิงอยู่" ดังนี้แล้ว จึงให้ชำระส่วนภายใต้แห่งต้นไม้นั้นให้
สะอาดแล้ว ให้วงรั้ว เกลี่ยทราย ยกธงชัยและธงปฏากขึ้น แต่งต้นไม้
เจ้าไพรแล้ว ทำปรารถนา (คือบน) ว่า "ข้าพเจ้าได้บุตรหรือธิดา
แล้ว จักทำสักการะใหญ่ถวายท่าน " ดังนี้แล้ว หลีกไป.

กุฎุมพีได้บุตรสองคน


ในกาลเป็นลำดับมา ภรรยาของท่านเศรษฐีก็ตั้งครรภ์. ท่านก็ให้
พิธีครรภบริหาร1 แก่นาง. ครั้นล่วง 10 เดือน นางคลอดบุตรคนหนึ่ง
ท่านเศรษฐีขนานนามแห่งบุตรนั้นว่า "ปาละ" เพราะเหตุทารกนั้นตน
อาศัยไม้ใหญ่ที่เป็นเจ้าไพรอันตนอภิบาลจึงได้แล้ว.
ในกาลเป็นส่วนอื่น ท่านเศรษฐีได้บุตรอีกคนหนึ่ง ขนานนาม
ว่า " จุลปาละ " ขนานนามบุตรคนแรกว่า "มหาปาละ." ครั้น
2 กุมารนั้นเจริญวัย2 มารดาบิดาก็คิดผูกพันด้วยเครื่องผูกพันคือการครอง
เคหสถาน.
ในกาลเป็นส่วนอื่น มารดาได้ทำกาลกิริยาล่วงไป. วงศ์ญาติ
ก็เปิดสมบัติทั้งหมดมอบให้แก่ 2 เศรษฐีบุตร3.

พระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี 25 พรรษา


ในสมัยนั้น พระศาสดา ทรงประกาศพระบวรธรรมจักรให้เป็น
ไปแล้ว เสด็จไปโดยลำดับ ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ที่ท่าน

1. เป็นพิธีอย่างหนึ่งในศาสนาพราหมณ์ทำกัน 2 คราว คือทำเมื่อภรรยาตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน
ครั้งหนึ่งเรียก ปํจามฺฤตมฺ ทำเมื่อตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนครั้งหนึ่ง เรียกสปฺตามฺฤตมฺ.
2. มารดาบิดา ผูกบุตรทั้งสองนั้นผู้เจริญวัยแล้ว ด้วยเครื่องผูกคือเรือน.
3. พวกญาติก็แบ่งโภคะทั้งหมดจำเพาะแก่สองเศรษฐีบุตร.

อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี บริจาคทรัพย์นับได้ 54 โกฏิสร้างถวาย, ทรง
สั่งสอนมหาชนให้ตั้งอยู่ในทางสวรรค์และในทางนิพพาน.
แท้จริง พระตถาคตเสด็จอยู่จำพรรษา ๆ เดียวเท่านั้นในนิโครธ-
มหาวิหารที่พระญาติวงศ์ฝ่ายพระชนนี 8 หมื่นตระกูล, ฝ่ายพระชนก 8
หมื่นตระกูล เข้ากันเป็นแสนหกหมื่นตระกูลสร้างถวาย, เสด็จอยู่
จำพรรษา ณ เชตวันมหาวิหาร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย 19
พรรษา, เสด็จจำพรรษา ณ บุพพาราม ที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาบริจาค
ทรัพย์นับได้ 27 โกฏิสร้างถวาย 6 พรรษา. ทรงอาศัยที่ตระกูลทั้งสอง
เป็นผู้ใหญ่โดยคุณธรรม เสด็จอยู่จำพรรษาอาศัยกรุงสาวัตถี (เป็น
โคจรคาม) ถึง 25 พรรษา ด้วยประการฉะนี้.

ผู้บำรุงภิกษุสามเณร


ทั้งท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ทั้งวิสาขามหาอุบาสิกา ย่อมไปสู่ที่
อุปัฏฐากพระตถาคตเจ้าวันละ 2 ครั้งเป็นประจำ. และเมื่อไปไม่เคยมีมือ
เปล่าไป ด้วยคิดเกรงว่า " ภิกษุหนุ่มและสามเณร จักแลดูมือตน."
เมื่อไปก่อนเวลาฉันอาหาร ย่อมใช้ให้คนถือของขบเคี้ยวเป็นต้นไป; เมื่อ
ไปภายหลังแต่เวลาฉันอาหาร ใช้ให้คนถือปัญจเภสัช2 และอัฐบาน3
ไป. และในเคหสถานแห่งท่านทั้งสองนั้น เขาแต่งอาสนะไว้เพื่อภิกษุ

1. กุล ตระกูล สกุล ครอบครัว (Family) . 2. เภสัช 5 คือ เนยใส 1 เนยข้น
1 น้ำมัน 1 น้ำผึ้ง 1 น้ำอ้อย 1. 3. ปานะ 8 คือ น้ำมะม่วง 1 น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า 1
น้ำกล้วยมีเมล็ด 1 น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด 1 น้ำมะซาง 1 น้ำลูกจันทร์ หรือองุ่น 1 น้ำเหง้า
อุบล 1 น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่ 1.