เมนู

คิดว่า "พระศาสดาจักทรงทำบริโภคหรือไม่ ?" เห็นพระศาสดาทรง
รับแล้วนั่งเฉยอยู่ คิดว่า "อะไรหนอแล" จึงจับปลายกิ่งไม้พลิก
พิจารณาดู เห็นตัวอ่อนแล้ว จึงค่อย ๆ นำตัวอ่อนเหล่านั้นออกเสียแล้ว
จึงได้ถวายใหม่. พระศาสดาทรงบริโภคแล้ว. วานรนั้นมีใจยินดี ได้จับ
กิ่งไม้นั้น ๆ ยืนฟ้อนอยู่. ในกาลนั้น กิ่งไม้ที่วานรนั้นจับแล้วก็ดี กิ่งไม้
ที่วานรนั้นเหยียบแล้วก็ดี หักแล้ว. วานรนั้นตกลงที่ปลายตออันหนึ่ง
มีตัวอันปลายตอแทงแล้ว มีจิตเลื่อมใส ทำกาลกิริยาแล้ว เกิดในวิมาน
ทองสูง 30 โยชน์ ในภพดาวดึงส์ มีนางอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร.

พระยาช้างสังเกตดูวัตรพระอานนท์


การที่พระตถาคตเจ้า อันพระยาช้างอุปัฏฐาก ประทับอยู่ใน
ราวป่ารักขิตวันนั้น ได้ปรากฏในชมพูทวีปทั้งสิ้น. ตระกูลใหญ่ ๆ คือ
ท่านเศรษฐีอนาถบิณฑิกะ และนางวิสาขามหาอุบาสิกา อย่างนี้เป็น
ต้น ได้ส่งสาสน์จากนครสาวัตถี ไปถึงพระอานนท์เถระว่า "ข้าแต่
ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงแสดงพระศาสดาแก่พวกข้าพเจ้า." ฝ่ายภิกษุ
500 รูปผู้อยู่ในทิศ จำพรรษาแล้ว เข้าไปหาพระอานนท์เถระ วอน
ขอว่า "อานนท์ผู้มีอายุ ธรรมีกถาในที่เฉพาะพระพักตร์แห่งพระผู้-
มีพระภาคเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ฟังนานมาแล้ว; อานนท์ผู้มีอายุ ดีละ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย พึงได้ฟังธรรมีกถาในที่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเถิด." พระเถระพาภิกษุเหล่านั้นไป ณ ที่นั้นแล้ว คิดว่า "การเข้า
ไปสู่สำนักพระตถาคตเจ้า ผู้เสด็จอยู่พระองค์เดียว ตลอดไตรมาส พร้อม
กับภิกษุมีประมาณถึงเท่านี้ หาควรไม่" ดังนี้แล้ว จึงพักภิกษุเหล่านั้น

ไว้ข้างนอกแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแต่รูปเดียวเท่านั้น. พระยาช้าง
ปาริเลยยกะ เห็นพระอานนทเถระนั้นแล้ว ถือท่อนไม้วิ่งไป. พระศาสดา
ทอดพระเนตรเห็นแล้ว ตรัสว่า "หลีกไปเสียปาริเลยยกะ อย่าห้ามเลย,
ภิกษุนั่น เป็นพุทธอุปัฏฐาก." พระยาช้างปาริเลยยกะนั้น ทิ้งท่อนไม้
เสียในที่นั้นเองแล้ว ได้เอื้อเฟื้อถึงการรับบาตรจีวร, พระเถระมิได้ให้แล้ว.
พระยาช้างได้คิดว่า "ถ้าภิกษุรูปนี้จักมีวัตรอันได้เรียนแล้ว. ท่านคงจัก
ไม่วางบริขารของคนไว้บนแผ่นศิลาที่ประทับของพระศาสดา." พระเถระ
ได้วางบาตรจีวรไว้ที่พื้นแล้ว.

ไม่ได้สหายที่มีปัญญาเที่ยวไปผู้เดียวประเสริฐว่า


จริงอยู่ ชนผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวัตร ย่อมไม่วางบริขารของตน
ไว้บนที่นั่งหรือบนที่นอนของครู. พระยาช้างนั้น เห็นอาการนั้น ได้
เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสแล้ว . พระเถระอภิวาทพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ที่ส่วน
ข้างหนึ่ง. พระศาสดาตรัสถามว่า "อานนท์ เธอมาผู้เดียวเท่านั้น
หรือ ?" ทรงสดับความที่พระเถระเป็นผู้มาพร้อมกับภิกษุ 500 แล้ว
ตรัสว่า ก็ภิกษุเหล่านั้น อยู่ที่ไหน ?" เมื่อพระเถระทูลว่า "ข้าพระ-
องค์ไม่ทราบน้ำพระทัยของพระองค์ จึงพักเธอทั้งหลายไว้ข้างนอกมาแล้ว
(แต่รูปเดียว) " ตรัสว่า "เรียกเธอทั้งหลายมาเถิด" พระเถระได้
ทำตามรับสั่งแล้ว. ภิกษุเหล่านั้น มาถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่ง ณ ที่
ส่วนข้างหนึ่ง. พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกับเธอทั้งหลายแล้ว. เมื่อ
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็น
พระพุทธเจ้าอันสุขุม และเป็นกษัตริย์อันสุขุม พระองค์เสด็จยืนและ