เมนู

ไว้ว่า 'ผู้โน้นได้ด่าเรา ผู้โน้นได้ติเรา ผู้โน้นได้ชนะ
เราผู้โน้นได้ลักสิ่งของของเราแล้ว' เวรของชนเหล่า
นั้นย่อมระงับได้."


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺโกจฺฉิ คือ ด่าแล้ว. บทว่า
อวธิ คือ ประหารแล้ว . บทว่า อชินิ คือ ได้ชนะเราด้วยการอ้าง
พยานโกงบ้าง ด้วยการกล่าวโต้ตอบถ้อยคำบ้าง ด้วยการทำให้ยิ่งกว่าการ
ทำบ้าง.
บทว่า อหาสิ คือ ผู้โน้นได้ลักของคือบรรดาวัตถุทั้งหลายมีผ้า
เป็นต้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งของเรา.
สองบทว่า เย จ ตํ เป็นต้น ความว่า ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
คือ เทพดาหรือมนุษย์ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต เข้าไปผูกความโกรธนั้น
คือมีวัตถุเป็นต้นว่า "คนโน้นได้ด่าเรา" ดุจพวกคนขับเกวียน ขันทุบ
เกวียนด้วยชะเนาะ และดุจพวกประมง พันสิ่งของมีปลาเน่า เป็นต้น
ด้วยวัตถุมีหญ้าคาเป็นต้น บ่อยๆ, เวรของพวกเขาเกิดขึ้นแล้ว คราวเดียว
ย่อมไม่ระงับ คือว่าย่อมไม่สงบลงได้.
บาทพระคาถาว่า เย จ ตํ นูปนยฺหติ ความว่า ชนเหล่าใด
ไม่เข้าไปผูกความโกรธนั้น คือมีคำดำเป็นต้นเป็นที่ตั้ง ด้วยอำนาจการ
ไม่ระลึกถึงและการไม่ทำไว้ในใจบ้าง ด้วยอำนาจการพิจารณาเห็นกรรม
อย่างนี้ว่า "ใคร ๆ ผู้หาโทษมิได้ แม้ท่านคงจักด่าแล้วในภพก่อน
คงจักประหารแล้ว (ในภพก่อน ) คงจักเบิกพยานโกงชนะแล้ว (ใน
ภพก่อน) สิ่งของอะไรๆ ของใครๆ ท่านคงจักข่มแหงชิงเอาแล้ว (ใน

ภพก่อน). เพราะฉะนั้น ท่านแม้เป็นผู้ไม่มีโทษ จึงได้ผลที่ไม่น่า
ปรารถนา มีคำด่าเป็นต้น" ดังนี้บ้าง, เวรของชนเหล่านั้น แม้เกิด
แล้วเพราะความประมาท ย่อมสงบได้ด้วยการไม่ผูก (โกรธ ) นี้ ดุจ
ไฟไม่มีเธอเกิดขึ้นแล้วดับไปฉะนั้นแล.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุแสนหนึ่ง ได้บรรลุอริยผลทั้งหลายมี
โสดาปัตติผลเป็นต้น. พระธรรมเทศนาได้เป็นกถามีประโยชน์แก่มหาชน
แล้ว. พระติสสเถระ ถึงเป็นคนว่ายาก ก็กลายเป็นคนว่าง่ายแล้วดังนี้แล.
เรื่องพระติสสเถระ จบ.

4. เรื่องความเกิดขึ้นของนางกาลียักษิณี [4]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภหญิงหมัน
คนใดคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "น หิ เวเรน เวรานิ"
เป็นต้น.

มารดาหาภรรยาให้บุตร


ดังได้สดับมา บุตรกุฎุมพีคนหนึ่ง เมื่อบิดาทำกาละแล้ว ทำการ
งานทั้งปวง ทั้งที่นา ทั้งที่บ้าน ด้วยตนเอง ปฏิบัติมารดาอยู่. ต่อมา
มารดาได้บอกแก่เขาว่า "พ่อ แม่จักนำนางกุมาริกามาให้เจ้า."
บุ. แม่ อย่าพูดอย่างนี้เลย, ฉันจักปฏิบัติแม่ไปจนตลอดชีวิต.
ม. พ่อ เจ้าคนเดียวทำการงานอยู่ ทั้งที่นาและที่บ้าน, เพราะ
เหตุนั้น แม่จึงไม่มีความสบายใจเลย, แม่จักนำนางกุมาริกามาให้เจ้า.
เขาแม้ห้าม (มารดา) หลายครั้งแล้วได้นิ่งเสีย. มารดานั้นออก
จากเรือน เพื่อจะไปสู่ตระกูลแห่งหนึ่ง.
ลำดับนั้น บุตรถามมารดาว่า "แม่จะไปตระกูลไหน?" เมื่อ
มารดาบอกว่า "จะไปตระกูลชื่อโน้น " ดังนี้แล้ว ห้ามการที่จะไป
ตระกูลนั้นเสียแล้ว บอกตระกูลที่ตนชอบใจให้. มารดาได้ไปตระกูลนั้น
หมั้นนางกุหาริกาไว้แล้ว กำหนดวัน (แต่งงาน) นำนางกุมาริกาคน
นั้นมา ได้ทำไว้ในเรือนของบุตร. นางกุมาริกานั้น ได้เป็นหญิงหมัน.