เมนู

ท่านผู้บรรเทาความโศกถึงบุตรของข้าพเจ้า อัน
ความโศกครอบงำแล้ว ได้ถอนลูกศรคือความโศก
อันเสียดหฤทัยข้าพเจ้าออกได้หนอ ข้าพเจ้านั้น
เป็นผู้มีลูกศรอันท่านถอนเสียแล้ว เป็นผู้เย็นสงบ
แล้ว, พ่อมาณพ ข้าพเจ้าหายเศร้าโศก หาย
ร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของท่าน."


พราหมณ์ซักถามเทพบุตร


ขณะนั้น พราหมณ์ เมื่อจะถามเขาว่า "ท่านชื่ออะไร ?" จึง
กล่าวว่า
"ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือว่าเป็น
ท้าวปุรินททสักกเทวราช, ท่านชื่อไร ? หรือ
เป็นบุตรของใคร ? อย่างไร ข้าพเจ้าจะรู้จัก
ท่านได้ ?"

ลำดับนั้น มาณพบอกแก่เขาว่า
"ท่านเผาบุตรคนใด ในป่าช้าเองแล้ว ย่อม
คร่ำครวญและร้องไห้ถึงบุตรคนใด บุตรคนนั้น
คือข้าพเจ้า ทำกุศลธรรมแล้ว ถึงความเป็นเพื่อน
ของเหล่าไตรทศ (เทพดา)."

พราหมณ์ได้กล่าวว่า

"เมื่อท่านให้ทานน้อยหรือมาก ในเรือนของ
ตน หรือรักษาอุโบสถกรรมเช่นนั้นอยู่ ข้าพเจ้า
ไม่เห็น, ท่านไปเทวโลกได้เพราะกรรมอะไร ?"

มาณพได้กล่าวว่า
"ข้าพเจ้ามีโรค เจ็บลำบาก มีการระส่ำ
ระสายอยู่ในเรือนของตน, ได้เห็นพระพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากกิเลสธุลี ข้ามความสงสัยเสียได้
เสด็จไปดี มีพระปัญญาไม่ทราม, ข้าพเจ้านั้น
มีใจเบิกบานแล้ว มีจิตเลื่อมใสแล้ว ได้ถวาย
อัญชลีแด่พระตถาคตเจ้า. ข้าพเจ้าได้ทำกุศล-
กรรมนั้นแล้ว จึงได้ถึงความเป็นเพื่อนของเหล่า
ไตรทศ (เทพดา)."


พราหมณ์ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ


เมื่อมาณพนั้น กำลังพูดพร่ำอยู่นั่นเทียว, สรีระทั้งสิ้นของ
พราหมณ์ก็เต็มแล้วด้วยปีติ. เขาเมื่อจะประกาศปีตินั้น จึงกล่าวว่า
"น่าอัศจรรย์หนอ น่าประหลาดหนอ วิบาก
ของการทำอัญชลีนี้ เป็นไปได้เช่นนี้ แม้
ข้าพเจ้า มีใจเบิกบานแล้ว มีจิตเลื่อมใสแล้ว
ถึงพระพุทธเจ้าว่า เป็นสรณะในวันนี้แล."