เมนู

8. เรื่องนันทโคปาลกะ [31]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในโกศลชนบท ทรงปรารภนายโคบาลก์
ชื่อนันทะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ทิโส ทิสํ " เป็นต้น.

นายนันทะหลบหลีกราชภัย


ดังได้สดับมา นายโคบาลก์ชื่อนันทะ ในกรุงสาวัตถี เป็นคน
มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีสมบัติมาก รักษาฝูงโคของคฤหบคีชื่ออนาถบิณฑิกะ
อยู่. นัยว่า นายนันทโคบาลก์นั้น หลบหลีกความบีบคั้นแห่งพระราชา
ด้วยความเป็นคนเลี้ยงโค อย่างชฎิลชื่อเกณิยะ หลบหลีกความบีบคั้นแห่ง
พระราชาด้วยเพศบรรพชิต รักษาขุมทรัพย์ของตนอยู่. เขาถือเอาปัญจ-
โครสตลอดกาลสมควรแก่กาล (ตามกำหนดเวลา) มาสู่สำนักของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี พบพระศาสดา ฟังธรรมแล้ว ทูลวิงวอนพระศาสดา
เพื่อต้องการให้เสด็จมาสู่ที่อยู่ของตน.

พระศาสดาไปโปรดนายนันทะ


พระศาสดา ทรงรอความแก่กล้าแห่งญาณของเขาอยู่ ไม่เสด็จ
ไปแล้ว (ครั้น) ทรงทราบความที่เขาเป็นผู้มีญาณแก่กล้าแล้ว วันหนึ่ง
อันภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อมแล้ว เสด็จจาริกไปอยู่ ทรงแวะจากหนทาง
ประทับนั่งแล้ว ที่โคนต้นไม้แห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้สถานที่อยู่ของเขา

นายนันทะไปสู่สำนักของพระศาสดา ถวายบังคมกระทำปฏิสันถาร
นิมนต์พระศาสดาแล้ว ได้ถวายปัญจโครสทานอันประณีต แก่ภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานสิ้น 7 วัน. ในวันที่ 7 พระศาสดาทรงกระทำ
อนุโมทนาเสร็จแล้ว ตรัสอนุบุพพีกถาต่างโดยทานกถาเป็นต้น ในเวลา
จบกถา นายโคบาลก์ชื่อนันทะ ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล รับบาตรของพระ-
ศาสดา ตามส่งเสด็จพระศาสดาไปไกล เมื่อพระศาสดารับสั่งให้กลับ
ด้วยพระดำรัสว่า "อุบาสก จงหยุดเถิด" ถวายบังคมพระศาสดากลับแล้ว.
ลำดับนั้น นายพรานคนหนึ่งได้แทงเขาให้ตายแล้ว.

พวกภิกษุโทษพระศาสดาว่าทำให้นายนันทะถูกฆ่า


พวกภิกษุผู้มาข้างหลัง เห็นแล้ว จึงไปกราบทูลพระศาสดาว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นายโคบาลก์ชื่อนันทะ ถวายมหาทานตามส่ง
เสด็จแล้วกลับไป ถูกนายพรานฆ่าตายเสียแล้ว ก็เพราะความที่พระองค์
เสด็จมาแล้วในที่นี้. ถ้าว่าพระองค์จักมิได้เสด็จมาแล้วไซร้, ความตาย
จักไม่ได้มีแก่เขาเลย."

จิตที่ตั้งไว้ผิดทำความฉิบหายให้ยิ่งกว่าเหตุใด ๆ


พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรามาก็ตาม มิได้มา
ก็ตาม ชื่อว่า อุบายเป็นเครื่องพ้นจากความตายของนายนันทะนั้น แม้
ผู้ไปอยู่สู่ทิศใหญ่ 4 สู่ทิศน้อย 4 ย่อมไม่มี; ด้วยว่า จิตเท่านั้นซึ่งตั้ง
ไว้ผิดแล้ว อันเป็นไปในภายในของสัตว์เหล่านี้ ย่อมทำความพินาศ
ฉิบหาย ที่พวกโจร (หรือ) พวกคนจองเวรจะทำ (ให้) ไม่ได้ดังนี้
ตรัสพระคาถานี้ว่า