เมนู

พระเถระให้นั่ง ด้วยคำว่า " ขอท่านนั่งเถิด ขอรับ" ถือพัดก้านตาล
พัดแล้ว ถวายน้ำดื่ม ล้างเท้าทั้งสองแล้ว นำผ้าสาฎกนั้นมาวางไว้ ณ
ที่ใกล้เท้าเรียนว่า "ท่านขอรับ ขอท่านจงใช้สอยผ้าสาฎกผืนนี้" ดังนี้
แล้ว ได้ยืนพัดอยู่.
ลำดับนั้น พระเถระกล่าวกะเธอว่า " สังฆรักขิต จีวรของฉัน
บริบูรณ์, เธอนั่นแล จงใช้สอย."
พระสังฆรักขิต. ท่านขอรับ ผ้าสาฏกนี้ กระผมกำหนดไว้เพื่อ
ท่านทีเดียว จำเดิมแต่เวลาที่กระผมได้แล้ว, ขอท่านจงทำการใช้สอยเถิด.
พระเถระ. ช่างเถอะ สังฆรักขิต จีวรของฉันบริบูรณ์, เธอ
นั่นแล จงใช้สอยเถิด.
พระสังฆรักขิต. ท่านขอรับ ขอท่านอย่าทำอย่างนั้นเลย (เพราะ)
เมื่อท่านใช้สอยผ้าสากฎนี้ ผลมากจักมีแก่กระผม.

พระหลานชายนึกถึงฆราวาสวิสัย


ลำดับนั้น เมื่อพระสังฆรักขิตนั้น แม้กล่าว (วิงวอน) อยู่
แล้ว ๆ เล่า ๆ, พระเถระก็ไม่ปรารถนาผ้าสาฎกผืนนั้น. เธอยืนพัดอยู่
พลางคิดอย่างนี้ว่า "ในเวลาเป็นคฤหัสถ์ เราเป็นหลานของพระเถระ;
ในเวลาบวชแล้ว เราก็เป็นสัทธิวิหาริก (ของท่าน), แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น
พระอุปัชฌาย์ ก็ไม่ประสงค์ทำการใช้สอยร่วมกับเรา, เมื่อพระอุปัชฌาย์
นี้ ไม่ทำการร่วมใช้สอยกับเรา, เราจะต้องการอะไรด้วยความเป็นสมณะ,
เราจักเป็นคฤหัสถ์ (ดีกว่า)."
ขณะนั้น เธอได้มีความคิดเห็นว่า " การครองเรือน ตั้งตัวได้ยาก,

เราจักขายผ้าสาฎกผืนยาว 8 ศอกแล้ว ซื้อแม่แพะ (มา ) ตัวหนึ่ง,
ธรรมดาแม่แพะย่อมตกลูกเร็ว เรานั้นจะขายลูกแพะที่ตกแล้ว ๆ ทำให้
เป็นต้นทุน, ครั้นรวมต้นทุนได้มากแล้ว จักนำหญิงคนหนึ่งมาเป็นภริยา,
นางจักคลอดบุตรคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจักตั้งชื่อหลวงลุงของเรา
แก่บุตรนั้น แล้วให้นั่งในยานน้อยพาบุตรและภริยาของเรามาไหว้หลวง-
ลุง, เมื่อเดินมา จักพูดกะภริยาของเราในระหว่างทางว่า ' หล่อนจงนำ
บุตรมาแก่เราก่อน, เราจักนำ ( อุ้ม ) เขาไป.' หล่อนจักพูดว่า ' เธอ
จะต้องการอะไรด้วยบุตร, เธอจงมา จงขับยานน้อยนี้ไป,' แล้วรับเอา
บุตรไป ตั้งใจว่า ' เราจักนำเขาไป,' เมื่อไม่อาจอุ้มไปได้ จักทิ้งไว้ที่
รอยล้อ, เมื่อเป็นเช่นนั้น ล้อจักทับสรีระของเขาไป, ลำดับนั้น เราจะ
พูดกะหล่อนว่า ' หล่อนไม่ได้ให้บุตรของฉันแก่ฉันเอง. หล่อนไม่สามารถ
อุ้มบุตรนั้นไปได้, บุตรนั้นย่อมเป็นผู้อันเจ้าให้ฉิบหายเสียแล้ว, จักเอา
ด้ามปฏักตีหลัง (ภริยา)."

พระเถระถูกพระหลานชายตี


พระหลานชายนั้น คิดอยู่อย่างนั้น พลางยืนพัดอยู่เทียว เอาพัด
ก้านตาลตีศีรษะพระเถระแล้ว.
พระเถระใคร่ครวญอยู่ว่า " เพราะเหตุไรหนอแล ? เราจึงถูกสังฆ-
รักขิตตีศีรษะ," ทราบเรื่องที่พระหลานชายนั้นคิดแล้ว ๆ ทั้งหมด, จึง
พูดว่า " สังฆรักขิต เธอไม่ได้อาจจะให้ประหารมาตุคาม, ในเรื่องนี้
พระเถระผู้แก่มีโทษอะไรเล่า ?"
เธอคิดว่า " ตายจริง เราฉิบหายแล้ว, นัยว่าพระอุปัชฌาย์รู้เรื่อง