เมนู

จึงตรัสว่า " มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่."
การฝึกจิตเห็นปานนี้นั้น เป็นการดี คือความที่จิตอันบุคคลฝึกฝน
ด้วยอริยมรรค1 4 ได้แก่ ความที่จิตอันบุคคลทำแล้วโดยประการที่จิตสิ้น
พยศได้ เป็นการดี.
ถามว่า " เพราะเหตุไร ? "
แก้ว่า " เพราะว่า จิตนี้อันบุคคลฝึกแล้ว ย่อมเป็นเหตุนำสุขมา
ให้ คือว่า จิตที่บุคคลฝึกแล้ว ได้แก่ทำให้สิ้นพยศ ย่อมนำมาซึ่งความ
สุขอันเกิดแต่มรรคผล และสุขคือพระนิพพานอันเป็นปรมัตถ์."
ในกาลจบเทศนา บริษัทที่มาประชุมกันเป็นอันมาก ได้เป็นอริย-
บุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้น, เทศนาสำเร็จประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.

ภิกษุนั้นกลับไปสู่มาติกคามอีก


พระศาสดาครั้นประทานโอวาทนี้แก่ภิกษุนั้นแล้ว จึงทรงส่งไปด้วย
พระดำรัสว่า " ไปเถิด ภิกษุ เธออย่าคิดอะไรๆ อย่างอื่น จง
อยู่ในที่นั้นนั่นแหละ." ภิกษุนั้นได้พระโอวาทจากสำนักของพระศาสดา
แล้ว จึงได้ไป (อยู่ ) ในที่นั้น, ไม่ได้คิดอะไร ๆ ที่ชวนให้คิด
ภายนอกเลย.
ฝ่ายมหาอุบาสิกา เมื่อตรวจดูด้วยทิพยจักษุ ก็เห็นพระเถระแล้ว
กำหนด (รู้) ด้วยญาณของตนนั่นแลว่า " บัดนี้ ภิกษุผู้บุตรของเรา
ได้อาจารย์ให้โอวาทแล้วจึงกลับมาอีก " แล้วได้จัดแจงอาหารอันเป็นที่
สบายถวายแก่พระเถระนั้น.

1. อริยมรรค 4 คือ โสดาปัตติมรรค 1 สกทาคามิมรรค 1 อนาคามิมรรค 1 อรหัต-
มรรค 1