เมนู

2. เรื่องภิกษุ 2 สหาย [20]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ 2
สหาย ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ" เป็นต้น.

ภิกษุ 2 รูปมีปฏิปทาต่างกัน


ได้ยินว่า ภิกษุ 2 รูปนั้น เรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระศาสดา
แล้ว เข้าไปยังวิหารอันตั้งอยู่ในป่า. ในภิกษุ 2 รูปนั้น รูปหนึ่ง เก็บ
ฟืนมาต่อเวลายังวันแล้ว จัดเตาไฟแล้ว นั่งผิงไฟสนทนากับพวกภิกษุ
หนุ่มและสามเณรอยู่ตลอดปฐมยาม. รูปหนึ่งไม่ประมาท ทำสมณธรรม
อยู่ ตักเตือนรูปนอกนี้ว่า "ผู้มีอายุ ท่านอย่าทำอย่างนั้น, เพราะ
อบาย1 4 เป็นเช่นเรือนที่เป็นที่นอนแห่งชนผู้ประมาทแล้ว, ธรรมดา
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันบุคคลผู้โอ้อวด ไม่อาจให้ทรงยินดีได้."
ท่านไม่ฟังคำตักเตือนของภิกษุนั้น. ภิกษุนอกนี้ คิดว่า "ภิกษุนี้ไม่เชื่อ
ถ้อยคำ2" จึงไม่ปรารถนา (ตักเตือน) ท่านไม่ประมาทแล้วได้ทำ
สมณธรรม. ฝ่ายพระเถระผู้เกียจคร้าน ผิงไฟในปฐมยามแล้ว ใน
เวลาที่ภิกษุนอกนี้เดินจงกรมแล้วเข้าไปสู่ห้อง จึงเข้าไป พูดว่า "ท่านผู้
เกียจคร้านมาก ท่านเข้าไปสู่ป่า เพื่อต้องการหลับนอน (หรือ):
อันบุคคลเรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระพุทธเจ้า แล้วลุกขึ้นทำสมณธรรม
ตลอดทั้งกลางคืนกลางวัน ไม่ควรหรือ ?" ดังนี้แล้ว ก็เข้าไปยังที่อยู่

1. อบาย 4 คือ 1. นิรยะ นรก 2. ดิรัจฉานโยนิ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน 3. ปิตติวิสัย ภูมิแห่ง
เปรต 4. อสุรกาย พวกอสุรกาย. 2. น วจนกฺขโม ไม่อดทนต่อถ้อยคำ.

ของตนแล้วนอนหลับ, ฝ่ายภิกษุนอกนี้ พักผ่อนในมัชฌิมยามแล้ว
กลับลุกขึ้นทำสมณธรรมในปัจฉิมยาม. ท่านไม่ประมาทอย่างนั้น ต่อ
กาลไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย. ภิกษุ
รูปเกียจคร้านนอกนี้ ให้เวลาล่วงไปด้วยความประมาทอย่างเดียว. ภิกษุ
2 รูปนั้น ออกพรรษาแล้ว ไปสู่สำนักพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดา
แล้ว นั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง.

พระศาสดาตรัสถามภิกษุทั้งสอง


พระศาสดาทรงกระทำปฏิสันถารกับภิกษุ 2 รูปนั้นแล้ว ตรัสถาม
ว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่ประมาททำสมณธรรมกันแลหรือ ?
กิจแห่งบรรพชิตของพวกเธอถึงที่สุดแล้ว แลหรือ ?" ภิกษุผู้ประมาท
กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความไม่ประมาทของภิกษุนั่น จักมี
แต่ที่ไหน ? ตั้งแต่เวลาไป เธอนอนหลับให้เวลาล่วงไปแล้ว."
พระศาสดา ตรัสถามว่า "ก็เธอเล่า ? ภิกษุ."
ภิกษุรูปเกียจคร้าน ทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
เก็บฟืนมาต่อเวลายังวัน จัดเตาไฟแล้ว นั่งผิงไฟอยู่ตลอดปฐมยามไม่หลับ
นอน ให้เวลาล่วงไปแล้ว."

ผู้ไม่ปัญญาดีย่อมละทิ้งผู้มีปัญญาทราม


ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะท่านว่า "เธอประมาทแล้ว ปล่อย
เวลาล่วงไป ( เปล่า) ยังมาพูดว่า ' ตัวไม่ประมาท ' และทำผู้ไม่ประมาท
ให้เป็นผู้ประมาท. เธอเป็นเหมือนม้าตัวทุรพล ขาดเชาว์1แล้วในสำนัก

1. หมายความว่า ฝีเท้า.