เมนู

โมหะ ชื่อว่าธุลี, แต่เรณู (ละออง) ท่านหา
เรียกว่า ( ธุลี) ไม่; คำว่า "ธุลี" นั่นเป็นชื่อ
ของโมหะ; ภิกษุเหล่านั้น ละธุลีนั่นได้ขาดแล้ว
อยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี."

ในกาลจบคาถา พระจูฬปันถกบรรลุพระอรหัต พร้อมด้วย
ปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว. ปิฎก 3 มาถึงแก่ท่านพร้อมกับปฏิสัมภิทา
ทีเดียว.

บุรพกรรมของพระจูฬปันถก


ได้ยินว่า ครั้งดึกดำบรรพ์ ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ทรงทำ
ประทักษิณพระนคร เมื่อพระเสโท1ไหลออกจากพระนลาต2 ทรงเอาผ้า
สะอาดเช็ดที่สุดพระนลาต. ผ้าได้เศร้าหมองแล้ว. ท้าวเธอกลับได้
อนิจจสัญญาว่า3 "ผ้าสะอาดเห็นปานนี้อาศัยสรีระนี้ ละปกติแปรเป็น
เศร้าหมองไปได้, สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ," เพราะเหตุนั้น ผ้า
สำหรับเช็ดธุลีนั่นแล จึงเป็นปัจจัยของท่านแล้ว.
ฝ่ายหมอชีวกโกมารภัจ ได้น้อมน้ำทักษิโณทกเข้าไปถวาย
พระทศพล, พระศาสดาทรงปิดบาตรด้วยพระหัตถ์ ตรัสว่า "ชีวก
ภิกษุในวิหาร ยังมีอยู่มิใช่หรือ ?"
พระมหาปันถกกราบทูลว่า "ในวิหาร ภิกษุไม่มีมิใช่หรือ ?
พระเจ้าข้า." พระศาสดา ตรัสว่า "มี ชีวก." หมอชีวกส่งบุรุษไป
ด้วยสั่งว่า "พนาย ถ้ากระนั้น เธอจงไป จงรู้ว่าภิกษุในวิหารมีหรือ
ไม่มี.

1. เหงื่อ 2. หน้าฝาก 3. ความหวายว่าไม่เที่ยว

พระจูฬปันถกนิรมิตตนเป็นภิกษุพันรูป


ในขณะนั้น พระจูฬปันถกคิดว่า "พี่ชายของเราพูดว่า 'ภิกษุ
ในวิหารไม่มี,' เราจักประกาศความที่ภิกษุในวิหารมีแก่ท่าน (พี่ชาย)
ดังนี้แล้ว จึง (นิรมิต) ให้อัมพวันทั้งสิ้นเต็มด้วยภิกษุทั้งนั้น ภิกษุ
บางพวกเย็บจีวร, บางพวกย้อมจีวร, บางพวกทำการสาธยาย; นิรมิต
ภิกษุพันรูป ไม่เหมือนกันและกันอย่างนี้.
บุรุษนั้นเห็นภิกษุเป็นอันมากในวิหาร จึงกลับมาบอกแก่หมอชีวกว่า
" คุณหมอขอรับ อัมพวันทั้งสิ้น เต็มด้วยภิกษุทั้งหลาย."
(พระธรรมสังคาหกาจารย์ กล่าวว่า)
"ฝ่ายพระเถระ ชื่อว่าจูฬปันถก นิรมิตตน
พันครั้ง (เป็นภิกษุพันรูป) ในอัมพวันนั้นแล
แล้วนั่งในอันพวันอันน่ารื่นรมย์ จนกว่าเขาจะบอก
เวลา."

ลำดับนั้น พระศาสดา ตรัสกะบุรุษนั้นว่า "เธอจงไปวิหาร
บอกว่า "พระศาสดารับสั่งหาพระชื่อจูฬปันถก."
เมื่อบุรุษนั้นไปบอกตามรับสั่งแล้ว ทั้งพันปากก็ขานว่า "ข้าพเจ้า
ชื่อจูฬปันถก, ข้าพเจ้าชื่อจูฬปันถก."
บุรุษนั้นกลับไปกราบทูลอีกว่า "พระเจ้าข้า ได้ยินว่า ภิกษุแม้
ทุกรูปชื่อจูฬปันถกทั้งนั้น ?:
พระศาสดาตรัสว่า " ถ้ากระนั้น เธอจงไป. รูปใดเอ่ยก่อนว่า