เมนู

ดังนี้แล้ว นำเขาไปลู่สำนักพระศาสดา. เมื่อพระองค์ตรัส (ถาม) ว่า
"คฤหบดี ท่านได้เด็กมาหรือ ? กราบทูลว่า " พระเจ้าข้า เด็กคนนี้
เป็นหลานของข้าพระองค์ ประสงค์จะบวชในสำนักของพระองค์."
พระศาสดาตรัสสั่งภิกษุ ผู้ถือการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรรูปใด
รูปหนึ่งว่า " เธอจงให้เด็กคนนี้บวช ." พระเถระบอกตจปัญจก-
กัมมัฏฐานแก่เธอแล้ว ให้บรรพชา.

มหาปันถกบรรลุพระอรหัต


เธอเรียนพระพุทธพจน์ได้มาก มีอายุครบ ได้อุปสมบทแล้ว ทำ
กรรมในโยนิโสมนสิการ บรรลุพระอรหัตแล้ว.

มหาปันถกปรารภถึงน้องชาย


ท่านให้เวลาล่วงไปด้วยความสุขในฌานและความสุขอันเกิดแต่ผล
คิดว่า " เราอาจให้ความสุขนี้แก่จูฬปันถกหรือหนอ ?" ภายหลังได้
ไปสู่สำนักของเศรษฐีผู้เป็นตาแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า "ท่านมหาเศรษฐี
ถ้าท่านอนุญาตไซร้, รูปพึงให้จูฬปันถกออกบวช ."
เศรษฐีกล่าวว่า "นิมนต์ท่านให้เขาบวชเถิด ขอรับ."
ได้ยินว่า เศรษฐีเลื่อมใสดีแล้วในพระศาสนา แต่เมื่อถูกถามว่า
" เด็กเหล่านี้เป็นบุตรของธิดาคนไหนของท่า" จะบอกว่า "ของ
ลูกสาวที่หนีไป" ก็ละอาย; เพราะฉะนั้น ท่านจึงอนุญาตการบวชแก่
หลานทั้งสองนั้นโดยง่าย.

1. เจริญกัมมัฏฐาน.

จูฬปันถกบวชแล้วกลายเป็นคนโง่


พระเถระให้จูฬปันถกบวชแล้ว ให้ตั้งอยู่ในศีลทั้งหลาย. แม้
จูฬปันถกนั้นพอบวชแล้ว ได้เป็นคนโง่เขลา.
พระเถระเมื่อพร่ำสอนเธอ กล่าวคาถานี้ว่า
"ดอกบัวโกกุนท มีกลิ่นหอม บานแต่เช้า
พึงมีกลิ่นไม่ไปปราศฉันใด, เธอจงเห็นพระอังคีรส
ผู้ไพโรจน์อยู่ ดุจพระอาทิตย์ส่องแสงในกลางหาว
ฉันนั้น."

คาถาเดียวเท่านั้น โดย 4 เดือน เธอก็ไม่สามารถจะเรียนได้.

บุรพกรรมของพระจูฬปันถก


ถามว่า " เพราะอะไร ?"
แก้ว่า "ได้ยินว่า เธอบวชในกาลพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีปัญญา ได้ทำการหัวเราะเยาะ ในเวลาที่ภิกษุเขลารูปใดรูปหนึ่ง
เรียนอุเทศ, ภิกษุนั้นละอายเพราะการหัวเราะนั้น เลยเลิกเรียนอุเทศ ไม่
ทำการสาธยาย.
เพราะกรรมนั้น จูฬปันถกนี้ พอบวชแล้ว จึงเป็นคนโง่, บทที่
เรียนแล้ว ๆ เมื่อเธอเรียนบทต่อ ๆ ไป ก็เลือนหายไป. เมื่อเธอพยายาม
เพื่อเรียนคาถานี้แล. สี่เดือนล่วงไปแล้ว.