เมนู

ผู้บอกความที่หญิงเหล่านี้เป็นคนลามก, ครั้งก่อนมันเจาะช่องไว้ในห้อง
ทั้งหลายของตนนั่งอยู่แล้ว. เมื่อเราส่งไก่ไปให้ก็ส่งคืนมาอีก, วันนี้ปล่อยงู
ไว้บนที่นอน."
ฝ่ายพระนางสามาวดี ก็ได้ให้โอวาทแก่หญิง 500 ว่า " แม่
ทั้งหลาย ที่พึ่งอื่นของพวกเราหามีไม่, ท่านทั้งหลายจงยังเมตตาจิตอัน
สม่ำเสมอนั่นแล ให้เป็นไปในพระราชาผู้เป็นจอมแห่งนรชน ในพระเทวี
และในตน, ท่านทั้งหลายอย่าทำความโกรธต่อใคร ๆ." พระราชา
ทรงถือธนูมีสัณฐานดังงาช้าง (หรือเขาสัตว์ ) ซึ่งมีกำลัง (แห่งการ
โก่ง) ของคนพันหนึ่ง ทรงขึ้นสายแล้วพาดลูกศรอันกำซาบด้วยยาพิษ
ทำพระนางสามาวดีไว้ ณ เบื้องหน้า ให้หญิงเหล่านั้นทุกคน ยืนตาม
ลำดับกันแล้ว จึงปล่อยลูกศรไปที่พระอุระของพระนางสามาวดี. ลูกศร
นั้น หวนกลับบ่ายหน้าสู่ทางที่ตนมาเที่ยว ประดุจจะเข้าไปสู่พระหทัย
ของพระราชา ได้ตั้งอยู่แล้วด้วยเมตตานุภาพ ของพระนางสามาวดีนั้น.
พระราชาทรงพระดำริว่า " ลูกศรที่เรายิงไป ย่อมแทงทะลุไปได้แม้ซึ่ง
ศิลา, แม้ฐานะที่จะกระทบในอากาศก็ไม่มี, ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกศรนี้กลับ
มุ่งหน้ามาสู่หัวใจของเรา (ทำไม?); แท้จริง แม้ลูกศรนี้ ไม่มีจิต ไม่ใช่
สัตว์ ไม่ใช่ของมีชีวิต ยังรู้จักคุณของนางสามาวดี, ตัวเรา แม้เป็น
มนุษย์ก็หารู้ (คุณ) ไม่."

พระเจ้าอุเทนประทานพรแก่พระนางสามาวดี


ท้าวเธอทิ้งธนูเสีย ทรงประคองอัญชลี นั่งกระหย่งแทบบาทมูล
ของพระนางสามาวดี ตรัสพระคาถานี้ว่า

"เราฟั่นเฟือน เลือนหลง, ทิศทั้งปวงย่อม
มืดตื้อแก่เรา, สามาวดีเอ๋ย เจ้าจงต้านทานเรา
ไว้, และเจ้าจงเป็นที่พึ่งของเรา."

พระนางสามาวดีสดับพระดำรัสของท้าวเธอแล้ว ก็มิได้กราบทูลว่า
" ดีแล้ว สมมติเทพ พระองค์จงถึงหย่อมฉันเป็นที่พึ่งเถิด," (แต่)
กราบทูลว่า "ข้าแต่มหาราช หม่อมฉันถึงผู้ใดว่าเป็นที่พึ่ง แม้พระองค์
ก็จงถึงผู้นั้นแล ว่าเป็นที่พึ่งเถิด."
พระนางสามาวดี ผู้เป็นสาวิกาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้น
กล่าวคำนี้แล้ว ก็กล่าวว่า
" พระองค์ อย่าทรงถึงหม่อมฉันเป็นที่พึ่งเลย,
หม่อมฉันถึงผู้ใดว่าเป็นที่พึ่ง, ข้าแต่มหาราช
ผู้นั้นคือพระพุทธเจ้า, พระพุทธเจ้านั่นเป็นผู้
เยี่ยมยอด, ขอพระองค์ทรงถึงพระพุทธเจ้า
พระองค์นั้นเป็นที่พึ่งด้วย, ทรงเป็นที่พึ่งของ
หม่อมฉันด้วย."

พระราชา ทรงสดับคำของพระนางสามาวดีนั้นแล้ว จึงตรัส
" บัดนี้ เรายิ่งกลัวมากขึ้น" แล้วตรัสคาถานี้ว่า
"เรานี้เลือนหลงยิ่งขึ้น, ทิศทั้งปวงย่อมมืดตื้อ
แก่เรา, สามาวดีเอ๋ย เจ้าจงต้านทานเราไว้
และเจ้าจงเป็นที่พึ่งของเรา."

ลำดับนั้น พระนางสามาวดีนั้น ก็ทูลถามท้าวเธออีก โดยนัยก่อน

นั้นแล, เมื่อท้าวเธอตรัสว่า " ถ้าเช่นนั้น เราขอถึงเจ้าและพระศาสดา
ว่าเป็นที่พึ่ง และเราจะให้พรแก่เจ้า" ดังนี้แล้ว จึงกราบทูลว่า " ข้า
แต่มหาราช พรจงเป็นสิ่งอันหม่อมฉันได้รับเถิด." ท้าวเธอเสด็จเข้าไป
เฝ้าพระศาสดา ทรงถึง (พระองค์) เป็นสรณะแล้ว ทรงนิมนต์
ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์สิ้น 7 วันแล้ว ทรงเรียกพระนางสามาวดีมา
ตรัสว่า "เจ้าจงลุกขึ้นรับพร." พระนางสามาวดีกราบทูลว่า "ข้าแต่
มหาราช หม่อมฉันไม่มีความต้องการด้วยสิ่งทั้งหลายมีเงินเป็นต้น, แต่
ขอพระองค์จงพระราชทานพรนี้แก่หม่อมฉัน : (คือ) พระศาสดาพร้อม
ทั้งภิกษุ 500 รูป จะเสด็จมา ณ ที่นี้เนืองนิตย์ได้โดยประการใด, ขอ
พระองค์ทรงกระทำโดยประการนั้นเถิด, หม่อมฉันจักฟังธรรม." พระ-
ราชาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว ทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอ
พระองค์จงเสด็จมาในที่นี้เนืองนิตย์พร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป, เหล่าหญิง
ซึ่งธรรมทั้งพระนางสามาวดีเข้าด้วย กล่าวว่า ' หม่อมฉันจักฟังธรรม."
พระศาสดา. มหาบพิตร ธรรมดาการไปในที่เดียวเนืองนิตย์ย่อม
ไม่ควรแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย. เพราะมหาชนหวังเฉพาะ (พระพุทธ-
เจ้า ) อยู่.
พระราชา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ขอพระองค์ทรง
สั่งภิกษุไว้รูปหนึ่งเถิด.
พระศาสดาทรงสั่งพระอานนทเถระแล้ว. จำเดิมแต่นั้น พระ-
อานนทเถระนั้นก็พาภิกษุ 500 รูปไปสู่ราชสกุลเนืองนิตย์; พระเทวีแม้
เหล่านั้น เลี้ยงพระเถระพร้อมทั้งบริวาร ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์.

พระราชาทรงถวายจีวรแก่พระอานนท์


วันหนึ่ง หญิงเหล่านั้น ฟังธรรมกถาของพระเถระแล้ว เลื่อมใส
ได้กระทำการบูชาธรรมด้วยผ้าอุตราสงค์ 500 ผืน. อุตราสงค์ผืน
หนึ่ง ๆ ย่อมมีค่าถึง 500. พระราชาไม่ทรงเห็นผ้าสักผืนหนึ่งของหญิง
เหล่านั้น จึงตรัสถามว่า " ผ้าอุตราสงค์อยู่ที่ไหน ?"
พวกหญิง. พวกหม่อมฉันถวายแล้วแด่พระผู้เป็นเจ้า.
พระราชา. พระผู้เป็นเจ้านั้น รับทั้งหมดหรือ ?
พวกหญิง. เพคะ รับ (ทั้งหมด).
พระราชาเสด็จเข้าไปหาพระเถระแล้ว ตรัสถามความที่หญิงเหล่านั้น
ถวายผ้าอุตราสงค์ ทรงสดับความที่ผ้าอันหญิงเหล่านั้นถวายแล้ว และ
ความที่พระเถระรับไว้แล้ว จึงตรัสถามว่า "ท่านผู้เจริญ ผ้าทั้งหลาย
มากเกินไปมิใช่หรือ ? ท่านจักทำอะไรด้วยผ้ามีประมาณเท่านี้ ?"
พระเถระ. มหาบพิตร อาตมภาพรับผ้าไว้พอแก่อาตมภาพแล้ว จัก
ถวายผ้าที่เหลือแก่ภิกษุทั้งหลายผู้มีจีวรเก่า.
พระราชา. ภิกษุทั้งหลาย จักทำจีวรเก่าของตนให้เป็นอะไร ?
พระเถระ. เธอจักให้แก่ภิกษุผู้มีจีวรเก่ากว่าทั้งหลาย.
พระราชา. ภิกษุเหล่านั้นจักทำจีวรเก่าของตนให้เป็นอะไร ?
พระเถระ. เธอจักทำให้เป็นผ้าปูนอน.
พระราชา. เธอจักทำผ้าปูนอนเก่าให้เป็นอะไร ?
พระเถระ. เธอจักทำให้เป็นผ้าปูพื้น.
พระราชา. เธอจักทำผ้าปูพื้นเก่าให้เป็นอะไร ?
พระเถระ. ขอถวายพระพร เธอจักทำให้เป็นผ้าเช็ดเท้า.