เมนู

ให้สร้างโฆสิตาราม, กุกกุฏเศรษฐี ให้สร้างกุกกุฏาราม, ปาวาริกเศรษฐี
ให้สร้างปาวาริการาม แล้วส่งสาสน์ไปเพื่อประโยชน์แก่อันเสด็จมาแห่ง
พระศาสดา.
พระศาสดาทรงสดับสาสน์ของเศรษฐีเหล่านั้น ก็ได้เสด็จไป
ในที่นั้นแล้ว. เศรษฐีเหล่านั้นต้อนรับ เชิญให้พระศาสดาเสด็จเข้าไปใน
วิหารแล้ว มอบถวาย 3 ครั้งว่า "ข้าพระองค์ขอถวายวิหารนี้แก่ภิกษุ-
สงฆ์อันมาแต่ 4 ทิศ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข" ดังนี้แล้วย่อม
ปฏิบัติตามวาระ ๆ1. พระศาสดา ย่อมประทับอยู่ในวิหารหนึ่งๆ ทุก ๆ วัน,
ประทับอยู่ในวิหารของเศรษฐีคนใด, ก็ย่อมเสด็จเที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต
ที่ประตูเรือนของเศรษฐีคนนั้นแล.

นายสุมนมาลาการเลี้ยงภิกษุสงฆ์


ก็เศรษฐีทั้งสามคนนั้น ได้มีนายช่างมาลาชื่อสุมนะ เป็นผู้อุปัฏฐาก.
นายสุมนมาลาการนั้น กล่าวกะเศรษฐีเหล่านั้น อย่างนี้ว่า "ข้าพเจ้า
เป็นผู้กระทำการอุปัฏฐากท่านทั้งหลายตลอดกาลนาน, เป็นผู้ใคร่เพื่อ
จะยังพระศาสดาให้เสวย: ขอท่านทั้งหลาย จงให้พระศาสดาแก่ข้าพเจ้า
วันหนึ่ง."
เศรษฐีทั้งสามนั้นกล่าวว่า "นาย ถ้าเช่นนั้น ท่านจงนิมนต์
พระศาสดาเสวยในวันพรุ่งนี้เถิด." นายสุมนมาลาการนั้นรับคำว่า "ดีแล้ว
นาย " ดังนี้ จึงนิมนต์พระศาสดา ตระเตรียมเครื่องสักการะ. ในกาลนั้น
พระราชาพระราชทานกหาปณะ 8 กหาปณะ ให้เป็นค่าดอกไม้แก่นาง
สามาวดีทุก ๆ วัน. ทาสีของนางสามาวดีนั้นชื่อนางขุชชุตตรา ไปสู่สำนัก

1. ผลัดเปลี่ยนกันปฏิบัติ.

ของนายสุมนมาลาการ รับดอกไม้ทั้งหลายเนืองนิตย์. ต่อมา นายมาลาการ
กล่าวกะนางขุชชุตตรานั้น ผู้มาในวันนั้น ว่า "ข้าพเจ้านิมนต์พระศาสดา
ไว้แล้ว, วันนี้ ข้าพเจ้าจักบูชาพระศาสดาด้วยดอกไม้อันเลิศ; นางจง
รออยู่ เป็นผู้ช่วยเหลือในการเลี้ยงพระฟังธรรม ( เสียก่อน) แล้วจึง
รับดอกไม้ไป." นางรับคำว่า "ได้."
นายสุมนะ เลี้ยงภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว ได้
รับบาตรเพื่อประโยชน์แก่การการทำอนุโมทนา. พระศาสดาทรงเริ่ม
ธรรมเทศนาเป็นเครื่องอนุโมทนาแล้ว. ฝ่ายนางขุชชุตตรา สดับธรรมกถา
ของพระศาสดาอยู่เทียว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว. ในวันทั้งหลายอื่น
นางถือเอากหาปณะ 4 ไว้สำหรับตน รับดอกไม้ไปด้วยกหาปณะ 4. ใน
วันนั้น นางรับดอกไม้ไปด้วยกหาปณะทั้ง 8 กหาปณะ.
ลำดับนั้น นางสามาวดี กล่าวกะนางขุชชุตตรานั้นว่า "แม่
พระราชาพระราชทานค่าดอกไม้แก่เราเพิ่มขึ้น 2 เท่าหรือหนอ ?"
ขุชชุตตรา. หามิได้ พระแม่เจ้า.
สามาวดี. เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุไร ดอกไม้จึงมากเล่า ?
ขุชชุตตรา. ในวันทั้งหลายอื่น หม่อมฉันถือเอากหาปณะ 4 ไว้
สำหรับตน นำดอกไม้มาด้วยกหาปณะ 4.
สามาวดี. เพราะเหตุไร ในวันนี้ เจ้าจึงไม่ถือเอา ?
ขุชชุตตรา. เพราะความที่หม่อมฉันฟังธรรมกถาของพระสัมมาสัม-
พุทธเจ้าแล้วบรรลุธรรม.
ลำดับนั้น นางสามาวดีมิได้คุกคามนางขุชชุตตรานั้นเลยว่า
"เหวย นางทาสีผู้ชั่วร้าย เจ้าจงให้กหาปณะที่เจ้าถือเอาแล้วตลอดกาล

มีประมาณเท่านี้ แก่เรา" กลับกล่าวว่า " แม่ เจ้าจงทำแม้เราทั้งหลาย
ให้ดื่มอมฤตรสที่เจ้าดื่มแล้ว," เมื่อนางกล่าวว่า " ถ้าอย่างนั้น ขอ
พระแม่เจ้าจงยังหม่อมฉันให้อาบน้ำ" จึงให้นางอาบน้ำ ด้วยหม้อ
น้ำหอม 16 หม้อแล้ว รับสั่งให้ประทานผ้าสาฎกเนื้อเกลี้ยง 2 ผืน. นาง
ขุชชุตตรานั้น นุ่งผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง ให้ปูอาสนะแล้ว ให้นำพัดมา
อันหนึ่ง นั่งบนอาสนะ จับพัดอันวิจิตร เรียกมาตุคาม 500 มาแล้ว
แสดงธรรมแก่หญิงเหล่านั้น โดยทำนองที่พระศาสดาทรงแสดงแล้ว
นั้นแล. หญิงแม้ทั้งปวงเหล่านั้น ฟังธรรมกถาของนางแล้ว ก็ตั้งอยู่ใน
โสดาปัตติผล. หญิงแม้ทั้งปวงเหล่านั้นไหว้นางขุชชุตตราแล้ว กล่าวว่า
" แม่ จำเดิมแต่วันนี้ ท่านอย่าทำการงานอันเศร้าหมอง (งานไพร่),
ท่านจงตั้งอยู่ในฐานะแห่งมารดาและฐานะแห่งอาจารย์ของพวกข้าพเจ้า
ไปสู่สำนักพระศาสดา ฟังธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้ว จงกล่าวแก่
พวกข้าพเจ้า." นางขุชชุตตราการทำอยู่อย่างนั้น ในกาลอื่น ก็เป็นผู้ทรง
พระไตรปิฎกแล้ว.

นางขุชชุตตราเลิศในทางแสดงธรรม


ต่อมา พระศาสดาทรงตั้งนางขุชชุตตรานั้นไว้ในเอตทัคคะว่า "ภิกษุ
ทั้งหลาย นางขุชชุตตรานี้นั้น เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาอุบาสิกาสาวิกา
ของเรา ผู้เป็นธรรมกถิกา [แสดงธรรมกถา].1 หญิง 500 แม้เหล่า
นั้นแล กล่าวกะนางขุชชุตตรานั้นอย่างนี้ว่า "แม่ พวกข้าพเจ้าใคร่เพื่อ
จะเฝ้าพระศาสดา, ขอท่านจงแสดงพระศาสดานั้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย,

1. นัยหนึ่ง แปลว่า "ภิกษุทั้งหลาย บรรดาอุบาสิกาสาวิกา ของเรา ผู้กล่าวธรรมทั้งหลาย
นางขุชชุตตรานี้ เป็นผู้เลิศ."