เมนู

เอาเชือกผูกท้อง จับที่ปลายเชือกแล้วกลิ้งเกลือกอยู่. เศรษฐี สดับ
ประพฤติเหตุเช่นนั้น มีคนถือคบเพลิงให้คนถือเอาของมีรสหวาน 4 ชนิด
มาสู่สำนักของชายนั้น ถามว่า " เป็นอย่างไร ? พ่อ."
ผู้รับจ้าง. นาย ลมกำเริบแก่ข้าพเจ้า.
เศรษฐี. ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงลุกขึ้น เคี้ยวกินเภสัชนี้.
ผู้รับจ้าง. นาย แม้ท่านทั้งหลายรับประทานแล้วหรือ ?
เศรษฐี. ความไม่สบาย ของพวกเราไม่มี: เจ้าเคี้ยวกินเถิด.
เขากล่าวว่า "นาย ข้าพเจ้า เมื่อทำอุโบสถกรรม ไม่ได้อาจเพื่อ
จะทำอุโบสถกรรมทั้งสิ้นได้, แม้ในอุโบสถกรรมกึ่งหนึ่งของข้าพเจ้าอย่า
ได้เป็นของบกพร่องเลย" ดังนี้แล้ว ก็ไม่ปรารถนา ( เพื่อจะเคี้ยวกิน).
ชายนั้น แม้อันเศรษฐีกล่าวอยู่ว่า "อย่าทำอย่างนี้เลยพ่อ" ก็ไม่
ปรารถนาแล้ว, เมื่ออรุณขึ้นอยู่ ทำกาละแล้ว เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวแห้ง
ฉะนั้น เกิดเป็นเทวดาที่ต้นไทรนั้น. เพราะเหตุนั้น เทวดานั้น
ครั้นกล่าวเนื้อความนี้แล้ว จึงกล่าวว่า " เศรษฐีนั้นเป็นผู้นับถือพระ-
พุทธเจ้าว่าเป็นของเรา นับถือพระธรรมว่าเป็นของเรา นับถือพระสงฆ์
ว่าเป็นของเรา. สมบัตินั้นข้าพเจ้าได้แล้ว ด้วยผลอันไหลออกแห่ง
อุโบสถกรรมกึ่งหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าอาศัยเศรษฐีนั้นกระทำแล้ว."

ดาบสเลื่อมใสออกบวช


ดาบส 500 พอฟังคำว่า " พระพุทธเจ้า" ก็ลุกขึ้นประคอง
อัญชลีต่อเทวดา กล่าวว่า " ท่านพูดว่า ' พระพุทธเจ้า" ดังนี้แล้ว
ให้เทวดานั้นปฏิญญา 3 ครั้งว่า "ข้าพเจ้าพูดว่า 'พระพุทธเจ้า," แล้ว

เปล่งอุทานว่า " แม้เสียงกึกก้องนี้แล ก็หาได้ยากในโลก" แล้วกล่าวว่า
" ท่านเทวดา พวกเราเป็นผู้อันท่านให้ได้ฟังเสียง ที่ยังมิได้เคยฟังแล้ว
ในแสนกัลป์เป็นอเนก." ลำดับนั้น พวกดาบสที่เป็นอันเตวาสิก ได้
กล่าวคำนี้กะอาจารย์ว่า " ถ้าเช่นนั้น พวกเราจงพากันไปสู่สำนักของ
พระศาสดา." อาจารย์กล่าวว่า " พ่อทั้งหลาย เศรษฐี 3 ท่านเป็น
ผู้มีอุปการะมากแก่พวกเรา, พรุ่งนี้พวกเรารับภิกษาในที่อยู่ของเศรษฐี
เหล่านั้น บอกแม้แก่เศรษฐีเหล่านั้นแล้ว จึงจักไป, พ่อทั้งหลาย
พวกพ่อ จงยับยั้งอยู่ก่อน." ดาบสเหล่านั้น ยับยั้งอยู่แล้ว, ในวันรุ่งขึ้น
พวกเศรษฐี เตรียมข้าวยาคูและภัตแล้ว ปูอาสนะไว้ รู้ว่า "วันนี้
เป็นวันมาแห่งพระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย;" ทำการต้อนรับ ดาบส
เหล่านั้นไปสู่ที่อยู่ เชิญให้นั่ง ได้ถวายภิกษาแล้ว. ดาบสเหล่านั้น ทำ
ภัตกิจเสร็จแล้วกล่าวว่า " ท่านมหาเศรษฐีทั้งหลาย พวกเราจักไป."
เศรษฐี. ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ท่านทั้งหลายรับปฏิญญาของพวก
ข้าพเจ้า ตลอด 4 เดือน ซึ่งมีในฤดูฝนแล้วมิใช่หรือ ? บัดนี้พวก
ท่านจักไปไหน ?
ดาบส. ได้ยินว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก, พระธรรมก็
เกิดขึ้นแล้ว, พระสงฆ์ก็เกิดขึ้นแล้ว, เพราะฉะนั้น เราทั้งหลายจักไม่สู่
สำนักของพระศาสดา.
เศรษฐี. ก็การไปสู่สำนักของพระศาสดาองค์นั้น ควรแก่ท่าน
ทั้งหลายเท่านั้นหรือ ?
ดาบส. แม้คนเหล่าอื่นก็ควร ไม่ห้าม ผู้มีอายุ.
เศรษฐี. ท่านผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้น ขอท่านทั้งหลายจงรอก่อน

แม้พวกข้าพเจ้า ทำการตระเตรียมแล้ว ก็จะไป.
ดาบสเหล่านั้น กล่าวว่า "เมื่อท่านทั้งหลายทำการตระเตรียมอยู่,
ความเนิ่นช้าย่อมมีแก่พวกเรา, พวกเราจะไปก่อน, ท่านทั้งหลายพึงมา
ข้างหลัง" ดังนี้แล้ว ก็ไปก่อน, เฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชมเชยแล้ว
ถวายบังคม นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสอนุปุพพีกถา แสดงธรรมแก่ดาบส
เหล่านั้น. ในที่สุดแห่งเทศนา ดาบสทั้งปวงบรรลุพระอรหัตพร้อม
ทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว ทูลขอบรรพชา ได้เป็นผู้ทรงบาตรและจีวร
อันสำเร็จด้วยฤทธิ์ ดุจพระเถระมีพรรษาตั้ง 100 ในลำดับแห่งพระดำรัส
ว่า "ท่านทั้งหลาย จงเป็นภิกษุมาเถิด ."

สามเศรษฐีสร้างวิหาร


เศรษฐีทั้งสามแม้นั้นแล จัดเกวียนคนละ 500 เล่ม บรรทุกเครื่อง
อุปกรณ์แก่ทาน มีผ้า เครื่องนุ่งห่ม เนยใส น้ำผึ้งและน้ำอ้อยเป็นต้น
ไปถึงเมืองสาวัตถีแล้ว เข้าไปสู่พระเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดา สดับ
ธรรมกถาแล้ว ในที่สุดแห่งกถา ก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ถวายทานอยู่
ในสำนักของพระศาสดาประมาณกึ่งเดือนแล้ว ทูลเชิญพระศาสดา เพื่อ
ประโยชน์เสด็จไปสู่เมืองโกสัมพี, เมื่อพระศาสดาจะประทานปฏิญญา จึง
ตรัสว่า "คฤหบดีทั้งหลาย พระตถาคตทั้งหลาย ย่อมยินดียิ่งในเรือน
ว่างแล" จึงทูลว่า " ข้อนั้น พวกข้าพระองค์ทราบแล้ว พระเจ้าข้า
การที่พระองค์เสด็จมาด้วยสาสน์ที่พวกข้าพระองค์ส่งไป ย่อมควร"
ดังนี้แล้ว ไปสู่เมืองโกสัมพี ให้สร้างมหาวิหาร 3 หลังคือ โฆสกเศรษฐี