เมนู

สิพ่อ." เศรษฐีกล่าวว่า "ดีละ แม่ เมื่อเจ้าพอใจ พ่อก็จักทำตาม
อย่างนั้น" ดังนี้แล้ว จึงให้ส่งสาสน์ไปถวายพระราชาตามนั้น.
พระราชา ทรงรับว่า " ดีแล้ว" ทรงนำนางสามาวดีนั้นมา
พร้อมทั้งบริวาร ทรงอภิเษก ตั้งไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีแล้ว. หญิง
ที่เหลือ ก็ได้เป็นบริวารของนางเหมือนกัน.
นี้เป็นเรื่องของนางสามาวดี.

พระเจ้าอุเทนถูกจับ


ก็พระเจ้าอุเทน ได้มีพระราชเทวีอีกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนาม
ว่า พระนางวาสุลทัตตา เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าจัณฑปัชโชต.
ความพิสดารว่า ในเมืองอุชเชนี มีพระราชาทรงพระนามว่า พระเจ้า
จัณฑปัชโชต. วันหนึ่ง พระองค์เสด็จมาจากพระราชอุทยาน ทอด
พระเนตรดูสมบัติของพระองค์แล้ว ตรัสว่า " สมบัติเช่นนี้ ของใคร ๆ
แม้อื่น มีไหมหนอ ?" เมื่ออำมาตย์กราบทูลว่า " นี่จะชื่อว่าสมบัติอะไร ?
สมบัติของพระเจ้าอุเทนในเมืองโกสัมพีมากยิ่งนัก" ดังนี้แล้ว ตรัสว่า
" ถ้าอย่างนั้น เราจักจับพระเจ้าอุเทนนั้น."
อำมาตย์. ใคร ๆ ก็ไม่สามารถจับท้าวเธอได้ พระเจ้าข้า.
พระราชา. เราจักทำอุบายบางอย่าง จับให้ได้.
อำมาตย์. ไม่สามารถดอก พระเจ้าข้า.
พระนราชา. เพราะเหตุอะไรเล่า ?
อำมาตย์. เพราะพระเจ้าอุเทนนั้น รู้ศิลปะ ชื่อหัสดีกันต์, ทรง
ร่ายมนต์แล้วดีดพิณหัสดีกันต์อยู่ จะให้ช้างหนีไปก็ได้, จะจับเอาก็ได้,

ผู้ที่พรั่งพร้อมด้วยพาหนะช้างชื่อว่าเช่นกับท้าวเธอ เป็นไม่มี.
พระราชา. เราไม่อาจที่จะจับเขาได้หรือ ?
อำมาตย์. พระเจ้าข้า หากพระองค์มีความจำนงพระทัยฉะนี้
โดยส่วนเดียวแล้ว, ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์จงรับสั่งให้นายช่างทำช้างไม้
ขึ้น แล้วส่งไปยังที่อยู่ของพระเจ้าอุเทนนั้น ; ท้าวเธอทรงสดับถึงพาหนะ
ช้างหรือพาหนะม้าแล้ว ย่อมเสด็จไป แม้สู่ที่ไกล, เราจักสามารถจับ
ท้าวเธอผู้เสด็จมาในที่นั้นได้.
พระราชาตรัสว่า " อุบายนี้ ใช้ได้" ดังนี้แล้ว จึงรับสั่งให้
นายช่างทำช้างยนต์สำเร็จด้วยไม้ เอาผ้าเก่าหุ้มข้างนอก แล้วทำเป็น
ลวดลาย ให้ปล่อยไปที่ริมสระแห่งหนึ่ง ในที่ใกล้แว่นแคว้นของพระเจ้า
อุเทนนั้น. บุรุษ 60 คนเดินไปมาภายในท้องช้าง, พวกเขานำมูลช้างมา
ทิ้งไว้ในที่นั้น ๆ. พรานป่าคนหนึ่งเห็นช้างแล้วก็คิดว่า "ช้างนี้ คู่ควร
แก่พระเจ้าแผ่นดินของเรา" ดังนี้แล้ว จึงไปกราบทูลพระเจ้าอุเทนว่า
" พระเจ้าข้า ข้าพระองค์พบช้างตัวประเสริฐซึ่งเผือกล้วน มีส่วนเปรียบ
ด้วยยอดเขาไกรลาศ คู่ควรแก่พระองค์ทีเดียว." พระเจ้าอุเทน
ให้พรานป่านั้นแลเป็นผู้นำทาง ขึ้นทรงช้างพร้อมด้วยบริวาร เสด็จออก
ไปแล้ว เหล่าจารบุรุษ ทราบการเสด็จมาของท้าวเธอ จึงไปกราบทูล
แด่พระเจ้าจัณฑปัชโชต. พระเจ้าจัณฑปัชโชตนั้นเสด็จมาแล้ว ซุ่มพล
นิกายไว้ 2 ข้าง ปล่อยว่างไว้ตรงกลาง. พระเจ้าอุเทนไม่ทรงทราบถึง
การเสด็จมาของท้าวเธอ จึงติดตามช้างไป. มนุษย์ที่อยู่ข้างใน รีบพา
ช้างไม้หนีไปโดยเร็ว เมื่อพระราชา ทรงร่ายมนต์ดีดพิณอยู่, ช้างไม้
ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงแห่งสายพิณ หนีไปถ่ายเดียว. พระราชาไม่

อาจทันพระยาช้างได้ จึงเสด็จขึ้นม้าติดตามไป. เมื่อท้าวเธอรีบตามไปโดย
เร็ว พลนิกายก็ล้าหลัง. พระราชาได้เป็นผู้ ( เสด็จ) พระองค์เดียว
เท่านั้น. ครั้งนั้นเหล่าบุรุษของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ซึ่งดักซุ่มอยู่แล้ว ณ 2
ข้าง (ทาง ) จึงจับท้าวเธอถวายพระเจ้าแผ่นดินของตน. ต่อมา พลนิกาย
ของท้าวเธอ ทราบว่า พระราชาของตนตกไปสู่อำนาจแห่งข้าศึกแล้ว
จึงตั้งค่ายอยู่ภายนอก.

พระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงให้พระธิดาเรียนมนต์


ฝ่ายพระเจ้าจัณฑปัชโชต ทรงสั่งให้จับพระเจ้าอุเทนอย่างจับเป็น
แล้วขังไว้ในเรือนขังโจรหลังหนึ่ง ให้ปิดประตูเสีย ทรงดื่มน้ำชัยบาน
ตลอด 3 วัน. ในวันที่ 8 พระเจ้าอุเทนทรงถามพวกผู้คุมว่า
"พ่อทั้งหลาย พระเจ้าแผ่นดินของพวกเจ้าไปไหนเสีย."
พวกผู้คุม. พระเจ้าแผ่นดิน ทรงดื่มน้ำชัยบาน ด้วยทรงยินดีว่า
เราจับปัจจามิตรได้.
พระเจ้าอุเทน. พระเจ้าแผ่นดินของพวกเจ้ามีกิริยาช่างกระไร ดัง
ผู้หญิง, การจับพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นศัตรูกันได้แล้ว จะปล่อยหรือฆ่าเสีย
จึงควรมิใช่หรือ ? นี่สิ กลับให้เรานั่งทนทุกข์ แล้วไปนั่งดื่มน้ำชัยบาน
เสีย.
ผู้คุมเหล่านั้น ก็พากันไปทูลเนื้อความนั้นแด่พระราชา พระองค์
เสด็จไปตรัสถามว่า " ได้ยินว่า ท่านพูดอย่างนี้ จริงหรือ ?"
อุเทน. ถูกแล้ว ท่านมหาราชเจ้า.
จัณฑปัชโชต. ดีละ เราจักปล่อยท่าน, ทราบว่า ท่านมีมนต์
เช่นนี้, ท่านจักไหม้มนต์นั้นแก่เราไหม ?