เมนู

นางกาลีนำโฆสกะไปทิ้งที่ป่าช้าผีดิบ


ครั้งนั้น เศรษฐีกล่าวกะนางกาลีนั้นว่า "บัดนี้ เจ้าจงนำมัน
ไปยังป่าช้าผีดิบ แล้วเอานอนไว้ในระหว่างพุ่มไม้, มันจักถูกสัตว์มีสุนัข
ป่าเป็นต้นกัด หรือถูกอมนุษย์ประหารตายในที่นั้น, เจ้ารู้ว่ามันตายแล้ว
หรือไม่ตายเทียว จึงกลับมา." นางกาลีนั้นนำเด็กนั้นไป ให้นอนอยู่
ที่ป่าช้าผีดิบแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง. สุนัขบ้าง กาบ้าง อมนุษย์
บ้าง ไม่อาจเข้าใกล้เด็กนั้นได้. มีคำถามสอดเข้ามาว่า "ก็มารดาบิดา
และบรรดาพี่น้องเป็นต้น ใคร ๆ ชื่อว่าผู้รักษาของเด็กนั้น ไม่มีมิใช่
หรือ ? ใครรักษาตัวเด็กนั้นไว้ ?" แก้ว่า "กรรมสักว่าความเห่าเท่านั้น
ซึ่งเด็กให้เป็นไปแล้ว ด้วยความรักใคร่ในพระปัจเจกพุทธเจ้า ในเวลา
เป็นสุนัข รักษาเด็กไว้." ครั้งนั้น นายอชบาลผู้หนึ่ง ต้อนแม่แพะตั้ง
หลายแสนตัวไปหากิน เดินไปข้างป่าช้า. แม่แพะตัวหนึ่งเคี้ยวกินใบไม้
เป็นต้น เข้าไปสู่พุ่มไม้เห็นทารกแล้ว จึงคุกเข่าให้นมแก่ทารก. แม้
นายอชบาล จะทำเสียงว่า "เห, เห" ก็หาออกไปไม่. เขาคิดว่า
" จักเอาไม้ตีมันไล่ออก" จึงเข้าไปสู่พุ่มไม้ เห็นแม่แพะคุกเข่าให้ทารกน้อย
กินนมอยู่ จึงหวนกลับได้รับความรักในทารกเสมือนบุตร จึงพาเอาหารก
นั้นไป ด้วยคิดว่า " เราได้ลูกชายแล้ว," นางกาลี เห็นเหตุนั้นแล้ว
จึงไป ถูกเศรษฐีถามแล้ว จึงบอกความเป็นไปอันนั้น อันเศรษฐีกล่าวว่า
" เจ้าจงไป ให้ทรัพย์ (เขา) 1 พันแล้ว นำมันกลับมาอีก" ได้
กระทำตามนั้นแล้ว.

นางกาลีเอาโฆสกะไปโยนเหว


ครั้งนั้น เศรษฐี กล่าวกะนางทาสีนั้นว่า "แม่กาลี เจ้าจงเอา

เด็กนี้ไป ขึ้นสู่ภูเขาอันเป็นที่ทิ้งโจร จงโยนมันลงไปในเหว, มันกระทบ
ต้องภูเขา ก็จักเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ตกลงที่พื้น, เจ้ารู้ว่า มันตาย
แล้วหรือไม่ตาย จึงกลับมา." นางกาลีนั้น นำเด็กนั้นไปที่นั้นแล้ว
ยืนอยู่บนยอดเขา โยนลงไปแล้ว. ก็พุ่มไผ่ใหญ่ อาศัยท้องภูเขานั้นแล
เจริญโดยเทือกเขานั่นเอง. พุ่มกระพังโหมหนาทึบ ได้คลุมเบื้องบนพุ่ม
ไผ่นั้นไว้. ทารกเมื่อตก จึงตกลงบนพุ่มนั้น เหมือนตกลงบนผ้าขนสัตว์
ในวันนั้น หัวหน้าช่างสาน มีความต้องการด้วยไม้ไผ่. เขาไปกับลูกชาย
เริ่มจะตัดพุ่มไม้นั้น, เมื่อพุ่มไม้ไผ่นั้นไหวอยู่ เด็กก็ได้ร้องขึ้นแล้ว. เขา
จึงพูดว่า " เหมือนเสียงเด็ก" จึงขึ้นไปทางหนึ่ง เห็นเด็กนั้น มีใจยินดี
จึงพาไปด้วยคิดว่า " เราได้ลูกชายแล้ว. " นางกาลี ไปสู่สำนักของ
เศรษฐี ถูกเศรษฐีนั้นถามแล้ว จึงบอกเรื่องนั้น อันเศรษฐีกล่าวว่า
" เจ้าจงไป เอาทรัพย์ให้ ( เขา) 1 พันแล้วน้ำมันกลับมาอีก" ได้ทำ
ตามนั้นแล้ว.

ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว


เมื่อเศรษฐี ทำกรรมนี้ ๆ อยู่นั่นเทียว เด็กเติบใหญ่แล้ว. เขา
ได้มีชื่อว่า " โฆสกะ." นายโฆสกะนั้น ปรากฏแก่เศรษฐีประหนึ่ง
หนามแทงตา. เศรษฐีไม่อาจเพื่อจะแลดูเขาตรง ๆ ได้. ครั้งนั้น เศรษฐี
ตรองหาอุบายจะฆ่านายโฆสกะนั้น จึงไปสู่สำนักของนายช่างหม้อผู้สหาย
ของตน แล้วถามว่า " เมื่อไร ท่านจะเผาเตา ?" เมื่อเขาตอบว่า
"พรุ่งนี้" จึงกล่าวว่า " ถ้ากระนั้น ท่านจงเอาทรัพย์ 1 พันนี้ไว้
แล้วจงทำการงานให้ฉันสักอย่างหนึ่ง."