เมนู

มาในที่นี้เนืองนิตย์, ไทยธรรมจักมีหรือไม่ก็ช่างเถิด, เราไหว้อยู่ทำความ
ขวนขวายอยู่ ยังใจให้เลื่อมใสอยู่ทุกวัน จักประสพบุญมาก." (คิดดัง
นี้แล้ว) นางจึงทำการรับจ้างอยู่ในบ้านนั้นนั่นเอง.

สุนัขตายเพราะอาลัยในพระปัจเจกพุทธเจ้า


ในเดือนที่ 6 หรือที่ 7 นางสุนัขแม้นั้นแล ก็คลอดลูกออกมา
ตัวหนึ่ง. นายโคบาลจึงให้ ๆ น้ำนมของแม่โคนมตัวหนึ่งแก่ลูกสุนัขนั้น.
ไม่นานเท่าไรนัก ลูกสุนัขนั้นก็เติบใหญ่. ครั้งนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้า
เมื่อฉัน ย่อมให้ก้อนข้าวแก่ลูกสุนัขนั้นก้อนหนึ่งเป็นนิตย์. เพราะอาศัย
ก้อนข้าว สุนัขนั้นจึงได้มีความรักใคร่ในพระปัจเจกพุทธเจ้า. นายโคบาล
ย่อมไปสู่ที่บำรุงของพระปัจเจกพุทธเจ้า (วันหนึ่ง ) 2 ครั้งเนืองนิตย์.
นายโคบาลนั้นแม้เดินไป ก็เอาไม้ตีที่พุ่มไม้แลพื้นดินในที่ซึ่งมีเนื้อร้าย
ระหว่างทาง ส่งเสียงว่า "สุ สุ" 3 ครั้ง ยังเนื้อร้ายให้หนีไปแล้ว.
แม้สุนัขก็ไปด้วยกับนายโคบาลนั้น. ในวันหนึ่ง นายโคบาลนั้นกล่าว
กะพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า " ท่านผู้เจริญ กาลใด ผมไม่มีโอกาสว่าง
กาลนั้นผมจักส่งสุนัขตัวนี้มา: ขอพระผู้เป็นเจ้าพึงมาด้วยเครื่องหมายแห่ง
สุนัขนี้ที่กระผมส่งมาแล้ว." ตั้งแต่นั้นมา ในวันที่ไม่มีโอกาส นายโค-
บาลนั้น ก็ส่งสุนัขไปว่า "พ่อ จงไป จงนำพระผู้เป็นเจ้ามา" ด้วยคำ
เดียวเท่านั้น สุนัขนั้นก็วิ่งไป ถึงที่ซึ่งนายตีพุ่มไม้และพื้นดินก็เห่าขึ้น
3 ครั้ง รู้ว่าเนื้อร้ายหนีไปแล้วด้วยเสียงนั้น ไปถึงที่อยู่ของพระปัจเจก-
พุทธเจ้า ผู้กระทำสรีรปฏิบัติแต่เช้าตรู่ เข้าไปยังบรรณศาลา นั่งอยู่แล้ว
ถึงประตูบรรณศาลา จึงเห่าขึ้น 3 ครั้ง ให้ท่านรู้ว่าตนมาแล้ว ก็นอน

หมอบอยู่ที่ส่วนข้างหนึ่ง. เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ากำหนดเวลาออกไปแล้ว
สุนัขนั้นก็เดินเห่าไปข้างหน้า ๆ เทียว พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อจะทดลอง
สุนัข จึง (ทำเป็น) เดินไปทางอื่นในระหว่าง ๆ ทีนั้น สุนัขจึงไป
ยืนเห่าขวางหน้าของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นไว้ แล้วนำท่านลงทางนอกนี้.
ต่อมาในกาลวันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อจะทดลองสุนัขนั้น จึงเดิน
ไปสู่ทางอื่นแล้ว แม้สุนัขนั้นจะยืนขวางห้ามอยู่ข้างหน้าก็ไม่กลับ เอาเท้า
กระตุ้นสุนัขแล้วเดินไป: สุนัขรู้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่กลับ จึงกลับไป
คาบชายผ้านุ่งฉุดมา น้ำท่านลงสู่ทางนอกนี้. สุนัขนั้นได้ยังความรักอันมี
กำลัง ให้เกิดขึ้นแล้วในพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ด้วยประการอย่างนี้.
ต่อมาในกาลอื่น จีวรของพระปัจเจกพุทธเจ้าเก่าแล้ว. ครั้งนั้น
นายโคบาล จึงได้ถวายผ้าสำหรับทำจีวรแก่ท่าน. พระปัจเจกพุทธเจ้า
จึงกล่าวกับนายโคบาลนั้นว่า " ผู้มีอายุ ชื่อว่าการทำจีวร อันบุคคล
ผู้เดียวทำได้ยาก, อาตมา ไปสู่สถานที่สบายแล้วจักกระทำ."
นายโคบาล. ท่านผู้เจริญ นิมนต์ทำที่นี่เถิด.
พระปัจเจกพุทธเจ้า. ผู้มีอายุ อาตมา ไม่อาจ.
นายโคบาล. ท่านผู้เจริญ ถ้ากระนั้น ท่านอย่าไปอยู่ภายนอก
ให้นานนัก.
สุนัขได้ยินฟังคำของคนทั้งสองนั้นอยู่เหมือนกัน.
พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวกะนายโคบาลนั้นว่า "จงหยุดเถิด
อุบาสก" ให้นายโคบาลกลับแล้ว เหาะขึ้นสู่เวหาส บ่ายหน้าต่อเขา
คันธมาทน์ หลีกไปแล้ว. สุนัขแลดูพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้เหาะไปทาง

อากาศ ยืนเห่าอยู่แล้ว เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นลับคลองจักษุไป หทัย
ก็แตกทำลายลง.

สุนัขไปเกิดเป็นโฆสกเทพบุตร


ชื่อว่า สัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายนั้น เป็นสัตว์มีชาติซื่อตรง ไม่
คดโกง; ส่วนมนุษย์ใจคิดไปอย่าง ปากพูดไปอย่าง (ไม่ตรงกัน)
เพราะเหตุนั้นแล นายเปสสะ ผู้เป็นบุตรของนายควาญช้าง จึงกล่าวว่า1
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แท้จริง ขันธบัญจกคือมนุษย์นี้รกชัฏ ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ แท้จริง ขันธบัญจกคือสัตว์ของเลี้ยงนี้ตื้น. สุนัขนั้น
ทำกาละแล้ว ไปเกิดในดาวดึงสภพ มีนางอัปสร 1 พันแวดล้อม ได้
เสวยสมบัติใหญ่ ก็เพราะเป็นสัตว์มีความเห็นอันตรง (และ) ไม่
คดโกงนั้น ด้วยประการฉะนี้.
เมื่อเทพบุตรนั้นกระซิบที่ใกล้หูของใคร ๆ เสียงย่อมดังไปไกลได้
16 โยชน์ ส่วนเสียงพูดโดยปกติ ย่อมกลบเทพนครทั้งสิ้น ซึ่งมี
ประมาณหมื่นโยชน์. เพราะเหตุนั้นแล เทพบุตรนั้น จึงได้มีนามว่า
"โฆสกเทพบุตร." ก็นี้เป็นผลของอะไร ? เป็นผลของการเห่าด้วยความ
รักในพระปัจเจกพุทธเจ้า. โฆสกเทพบุตรนั้น ดำรงอยู่ในเทพนครนั้นไม่
นานก็เคลื่อนแล้ว.

เหตุทำให้เทพบุตรเคลื่อน 4 อย่าง


จริงอยู่ เทพบุตรทั้งหลาย ย่อมเคลื่อนจากเทวโลก ด้วยเหตุ 4
อย่าง คือ:-

1. ม. ม. 13/4.