เมนู

หยอดเพียงครั้งเดียวเท่านั้นไปถวายแล้ว. เหตุไฉนหนอแล โรคจึงยังไม่
สงบ ?" จึงเรียนถามว่า "ท่านเจ้าข้า น้ำมันนั้นท่านนั่งหยอดหรือ
นอนหยอด."
พระเถระได้นิ่งเสีย, ท่านแม้หมอซักถามอยู่ก็ไม่พูด.
หมอนึกว่า "เราจักไปวิหารดูที่อยู่เอง" ดังนี้แล้ว กล่าวว่า
"ถ้าอย่างนั้น นิมนต์ไปเถิด ขอรับ" ผละพระเถระแล้ว ไปสู่วิหารดู
ที่อยู่ของพระเถระ เห็นแต่ที่จงกรมและที่นั่ง ไม่เห็นที่นอน จึงเรียนถามว่า
" ท่านเจ้าข้า น้ำมันนั้น ท่านนั่งหยอดหรือนอนหยอด" พระเถระได้
นิ่งเสีย. หมออ้อนวอนซ้ำว่า "ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าได้ทำอย่างนั้น.
ธรรมดาสมณธรรม เมื่อร่างกายยังเป็นไปอยู่ ก็อาจทำได้, ขอท่านนอน
หยอดเถิด."

พระมหาปาละปรึกษากรัชกาย


พระเถระตอบว่า " ไปเถิด ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าจักปรึกษาดูก่อนแล้ว
จึงจักรู้. ก็ในที่นั้นไม่มีญาติสาโลหิตของพระเถระเลย ท่านจะพึงปรึกษา
กับใครเล่า. ถึงอย่างนั้นท่านปรึกษากับกรัชกายอยู่1 ดำริว่า "แน่ะปาลิตะ
ผู้มีอายุ ท่านจงว่ามาก่อน, ท่านจักเห็นแก่จักษุหรือจักเห็นแก่พระพุทธ-
ศาสนา. ก็ในสังสารวัฏอันมีที่สุด อันใครตามค้นไปก็รู้ไม่ได้ การคณนา
นับตัวท่านผู้บอดด้วยจักษุหามีไม่, และพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ล่วงไป
หลายร้อยหลายพันพระองค์แล้ว ในพระพุทธเจ้าเหล่านั้น พระพุทธเจ้า
แม้แต่พระองค์เดียวก็กำหนดไม่ได้, ท่านได้ผูกใจไว้เดี๋ยวนี้เองว่า "จักไม่

1. แปลว่ากายอันเกิดแต่ธุลีมีในสรีระ.

นอน จนตลอด 3 เดือนภายในฤดูฝนนี้; เหตุฉะนั้น จักษุของท่าน
ฉิบหายเสียหรือแตกเสียก็ตามเถิด ท่านจงทรงแต่พระพุทธศาสนาไว้เถิด
อย่าเห็นแก่จักษุเลย" เมื่อกล่าวสอนภูตกาย ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า:-
" จักษุที่ท่านถือว่าของตัว เสื่อมไปเสียเถิด หูก็
เสื่อมไปเสียเถิด, กายก็เป็นเหมือนกันอย่างนั้นเถิด,
แม้สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้ ก็เสื่อมไปเสียเถิด,
ปาลิตะ เหตุไฉน ท่านจึงประมาทอยู่. จักษุที่ท่าน
ถือว่าของตัว ทรุดโทรมไปเสียเถิด, หูก็ทรุดโทรมไป
เสียเถิด, กายก็เป็นเหมือนกันอย่างนั้นเถิด, แม้
สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้ก็ทรุดโทรมไปเสียเถิด, ปาลิตะ
เหตุไฉน ท่านจึงประมาทอยู่. จักษุที่ท่านถือว่าของตัว
แตกไปเสียเถิด, หูก็แตกไปเสียเถิด, รูปก็เป็น
เหมือนกันอย่างนั้นเถิด, แม้สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้
ก็แตกไปเสียเถิด, ปาลิตะ เหตุไฉน ท่านจึง
ประมาทอยู่ ."


หมอเลิกรักษาพระมหาปาละ


ครั้นพระเถระให้โอวาทแก่ตนเองด้วย 3 คาถาอย่างนี้แล้ว ได้นั่ง
ทำนัตถุกรรม1 แล้วจึงเข้าไปบ้านเพื่อบิณฑบาต หมอเห็นแล้วเรียนถามว่า
"ท่านเจ้าข้า ท่านทำนัตถุกรรมแล้วหรือ ?"
ถ. เออ อุบาสก.

1. คือเป่าน้ำมัน.