เมนู

ถวายบังคมพระผู้มีภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ทั้งหลาย ชื่อว่าเป็นพวกศากยะ มีความถือตัวประจำ (สันดาน),
ผู้นี้เป็นคนบำเรอของพวกข้าพระองค์ ตลอดราตรีนาน, ขอพระองค์
โปรดให้ผู้นี้บวชก่อน, ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักทำสามีจิกรรมมีการ
อภิวาทเป็นต้นแก่เขา, ความถือตัวของข้าพระองค์ จักสร่างสิ้นไปด้วย
อาการอย่างนี้," ดังนี้แล้ว ให้อุบาลีนั้นบวชก่อน, ภายหลังตัวจึงได้ทรง
ผนวช. บรรดาศากยภิกษุ 6 รูปนั้นท่านพระภัททิยะได้เป็นพระอรหันต์
เตวิชโช1 โดยระหว่างพรรษานั้นนั่นเอง. ท่านพระอนุรุทธะเป็นผู้มีจักษุ
เป็นทิพย์ ภายหลังทรงสดับมหาปุริสวิตักกสูตร2 ได้บรรลุพระอรหัตแล้ว.
ท่านพระอานนท์ ได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว. พระภคุเถระและพระ-
กิมพิลเถระ ภายหลังเจริญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัต. พระเทวทัตได้
บรรลุฤทธิ์อันเป็นของปุถุชน.

พระเทวทัตแสดงฤทธิ์แก่อชาตสัตรูราชกุมาร


ในกาลต่อมา เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงโกสัมพี, ลาภและ
สักการะเป็นอันมาก เกิดขึ้นแด่พระตถาคตพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก.
มนุษย์ทั้งหลายในกรุงโกสัมพีนั้น มีมือถือผ้าและเภสัชเป็นต้น เข้าไป
สู่วิหารแล้ว ถามกันว่า "พระศาสดาประทับอยู่ที่ไหน ? พระสารีบุตร-
เถระอยู่ที่ไหน ? พระมหาโมคคัลลานเถระอยู่ที่ไหน ? พระมหากัสสป-
เถระอยู่ที่ไหน ? พระภัททิยเถระอยู่ที่ไหน ? พระอนุรุทธเถระอยู่ที่
ไหน ? พระอานนทเถระอยู่ที่ไหน ? พระภคุเถระอยู่ที่ไหน ? พระ-

1. วิชชา 3 คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ 1 จุตูปปาตญาณ 1 อาสวักขยญาณ 1.
2. อัง. อัฏฐก. 23/ 323.

กิมพิสเถระอยู่ที่ไหน ?" ดังนี้แล้ว เที่ยวตรวจดูที่นั่งแห่งอสีติมหาสาวก.
ชื่อว่าผู้ถามว่า " พระเทวทัตเถระนั่งหรือยืนที่ไหน ?" ดังนี้ ย่อมไม่มี.
พระเทวะทัตนั้นจึงคิดว่า " เราบวชพร้อมกับด้วยศากยะเหล่านี้เหมือนกัน.
แม้ศากยะเหล่านี้ เป็นขัตติยบรรพชิต, แม้เราก็เป็นขัตติยบรรพชิต.
พวกมนุษย์มีมือถือลาภและสักการะแสวงหาท่านเหล่านี้อยู่, ผู้เอ่ยถึงชื่อ
ของเราบ้างมิได้มี, เราจะสมคบกับใครหนอแล1 พึงยังใครให้เลื่อมใสแล้ว
ยังลาภและสักการะให้เกิดแก่เราได้." ทีนั้น ความตกลงใจนี้มีแก่เธอว่า
" พระเจ้าพิมพิสารนี้ พร้อมกับบริวาร 1 นหุต ทรงดำรงอยู่ในโสดา-
ปัตติผลแล้ว ด้วยการเห็นครั้งแรกนั่นแล, เราไม่อาจจะสมคบกับพระ-
ราชานั้นได้. แม้กับพระเจ้าโกศล เราก็ไม่สามารถจะสมคบได้, ส่วนพระ-
อชาตสัตรูกุมาร พระโอรสของพระราชานี้แล2 ยังไม่รู้คุณเเละโทษของ
ใคร ๆ, เราจักสมคบกับกุมารนั่น." พระเทวทัตนั้นออกจากกรุงโกสัมพี
ไปสู่กรุงราชคฤห์ นฤมิตเพศเป็นกุมารน้อย พันอสรพิษ 4 ตัวที่มือและ
เท้าทั้งสี่, ตัวหนึ่งที่คอ, ตัวหนึ่งทำเป็นเทริดบนศีรษะ, ตัวหนึ่งทำ
เฉวียงบ่า, ลงจากอากาศด้วยสังวาลงูนี้ นั่งบนพระเพลาของอชาตสัตรู-
กุมาร, เมื่อพระกุมารนั้นทรงกลัวแล้ว ตรัสว่า " ท่านเป็นใคร ?"
จึงถวายพระพรว่า " อาตมะ คือเทวทัต," เพื่อจะบรรเทาความกลัวของ
พระกุมาร จึงกลับอัตภาพนั้น เป็นภิกษุทรงสังฆาฏิ บาตร และจีวร
ยืนอยู่เบื้องหน้า ยังพระกุมารนั้นให้ทรงเลื่อมใส ยังลาภและสักการะให้
เกิดแล้ว.

1. เอกโต หุตฺวา. 2. หมายถึงพระเจ้าพิมพิสารผู้ครองมคธรัฐ.

พระเทวทัตพยายามฆ่าพระพุทธเจ้า


พระเทวทัตนั้น อันลาภและสักการะครอบงำแล้ว ยังความคิดอัน
ลามกให้เกิดขึ้นว่า "เราจักบริหารภิกษุสงฆ์" ดังนี้แล้ว เสื่อมจากฤทธิ์
พร้อมด้วยจิตตุปบาทแล้ว ถวายบังคมพระศาสดาซึ่งกำลังทรงแสดงธรรม
แก่บริษัทพร้อมด้วยพระราชา ในพระเวฬุวันวิหาร ลุกจากอาสนะแล้ว
ประคองอัญชลี กราบทูลว่า " พระเจ้าข้า เวลานี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงชราแก่เฒ่าแล้ว, ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงเป็นผู้ขวนขวายน้อย
ประกอบเนือง ๆ ซึ่งธรรมเครื่องอยู่สบายในทิฏฐธรรมเถิด, หม่อมฉัน
จักบริหารภิกษุสงฆ์ ขอพระองค์โปรดมอบภิกษุสงฆ์ประทานแก่หม่อม
ฉันเถิด" ดังนี้แล้ว ถูกพระศาสดาทรงรุกรานด้วยเขฬาสิกวาทะ1 ทรง
ห้ามแล้ว, ไม่พอใจ ได้ผูกอาฆาตนี้ในพระตถาคตเป็นครั้งแรกแล้วหลีก
ไป.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า รับสั่งให้ทำปกาสนียกรรมในกรุง2
ราชคฤห์แก่เธอแล้ว. เธอคิดว่า "เดี๋ยวนี้เราถูกพระสมณโคดมกำจัดเสีย
แล้ว, บัดนี้ เราจักทำความพินาศแก่พระสมณโคดมนั้น" ดังนี้แล้วจึงไป
เฝ้าเจ้าอชาตสัตรูกุมาร ทูลว่า "พระกุมาร เมื่อก่อนแลมนุษย์ทั้งหลายมี
อายุยืน, บัดนี้อายุน้อย, ก็ข้อที่พระองค์พึงทิวงคตเสียตั้งแต่ยังเป็นพระ-
กุมาร นั่นเป็นฐานะมีอยู่แล, พระกุมาร ถ้ากระนั้นพระองค์จงสำเร็จ
โทษพระบิดาเป็นพระราชาเถิด, อาตมะสำเร็จโทษพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
จักเป็นพระพุทธเจ้า," ครั้นเมื่อพระกุมารนั้นดำรงอยู่ในราชสมบัติแล้ว
ได้แต่งบุรุษทั้งหลายเพื่อจะฆ่าพระตถาคต, ครั้นเมื่อบุรุษเหล่านั้นบรรลุ

1. ด้วยวาทะว่า ผู้บริโภคปัจจัยดุจน้ำลาย. 2. กรรมอันสงฆ์ควรประกาศ.