เมนู

ควรประทานแก่ภิกษุ 3 พี่น้อง มีพระอุรุเวลกัสสปะเป็นต้น, แต่พระ-
ศาสดา ทรงละเลยภิกษุเหล่านั้นมีประมาณถึงเพียงนี้ เมื่อจะประทาน
ตำแหน่งอัครสาวก ก็ทรงเลือกหน้าประทานแก่ผู้บวชภายหลังเขา
ทั้งหมด."

บุรพกรรมของพระอัญญาโกณฑัญญะ


พระศาสดา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพูดอะไร
กัน ?" เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลว่า "เรื่องชื่อนี้" จึงตรัสว่า "ภิกษุ
ทั้งหลาย เราหาเลือกหน้าให้ (ตำแหน่ง) แก่พวกภิกษุไม่, แต่เราให้
ตำแหน่งที่แต่ละคน ๆ ปรารถนาแล้ว ๆ นั่นแล แก่ภิกษุเหล่านี้, ก็
อัญญาโกณฑัญญะ เมื่อถวายทานเนื่องด้วยข้าวกล้าอันเลิศ 9 ครั้ง ใน
คราวข้าวกล้าคราวหนึ่ง ก็หาได้ปรารถนาตำแหน่งอัครสาวกถวายไม่ แต่
ได้ปรารถนาเพื่อแทงตลอดพระอรหัต อันเป็นธรรมเลิศก่อนสาวกทั้งหมด
แล้วถวาย." ภิกษุทั้งหลาย ทูลถามว่า "เมื่อไร ? พระเจ้าข้า."
พระศาสดาทรงย้อนถามว่า "พวกเธอจักฟังหรือ ? ภิกษุทั้งหลาย."
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับว่า "ฟัง พระเจ้าข้า." ่
พระศาสดา ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย แต่กัลป์นี้ไปอีก 91 กัลป์
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี1 เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก. ใน
กาลนั้น กุฎุมพี 2 พี่น้อง คือมหากาล จุลกาล ให้หว่านนาข้าวสาลีไว้มาก.
ต่อมาวันหนึ่ง จุลกาลไปนาข้าวสาลี ฉีกข้าวสาลีกำลังท้องต้นหนึ่งแล้ว
ชิมดู. ได้มีรสอร่อยมาก. เขาปรารถนาจะถวายสาลีคัพภทานแด่พระสงฆ์

1. ขุ. พุ. 33/ 515.

มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จึงเข้าไปหาพี่ชายแล้วพูดว่า "พี่ ฉันจะฉีก
ข้าวกำลังท้อง ต้มให้เป็นของควรแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว ถวาย
ทาน." พี่ชายกล่าวว่า "เจ้าพูดอะไร ? อันการฉีกข้าวสาลีกำลังท้อง
ทำทานไม่เคยมีแล้วในอดีต จักไม่มีในอนาคต, เจ้าอย่าทำข้าวกล้าให้
เสียหายเลย." เขาอ้อนวอนแล้ว ๆ เล่า ๆ. ครั้งนั้นพี่ชายจึงพูดกะเขาว่า
"ถ้ากระนั้น เจ้าต้องปันนาเป็น 2 ส่วน อย่าแตะต้องส่วนของเรา จง
ทำส่วนที่เจ้าปรารถนาในนาอันเป็นส่วนของตน." เขารับว่า "ดีแล้ว"
แบ่งนากันแล้ว ได้ขอแรงมือกะมนุษย์เป็นอันมากฉีกข้าวสาลีท้อง ให้
เคี่ยวเป็นน้ำนมจนข้นปรุงด้วยเนยใส น้ำผึ้ง และน้ำตาลกรวด ถวายทาน
แก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ในกาลเสร็จภัตกิจกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานอันเลิศของข้าพระองค์นี้ จงเป็นไปเพื่อ
ความแทงตลอดธรรมอันเลิศก่อนกว่าสาวกทั้งปวง. พระศาสดาตรัสว่า
"จงเป็นอย่างนั้นเถิด" แล้วได้ทรงทำอนุโมทนา. เขาไปนาตรวจดูอยู่
เห็นนาแน่นหนาด้วยรวงข้าวสาลี เหมือนเขามัดไว้เป็นช่อ ๆ ในนาทั้งสิ้น
ได้ปีติ1 5 อย่างแล้ว คิดว่า "เป็นลาภของเราหนอ" ถึงหน้าข้าวเม่า
ได้ถวายทานเลิศด้วยข้าวเม่า, ได้ถวายทานอันเนื่องด้วยข้าวกล้าอย่างเลิศ
พร้อมกับชาวบ้านทั้งหลาย, หน้าเกี่ยวได้ถวายทานอันเลิศในการเกี่ยว,
คราวทำขะเน็ด ได้ถวายทานอันเลิศในการขะเน็ด ในคราวมัดฟ่อน
เป็นต้น ก็ได้ถวายทานอันเลิศในการมัดฟ่อน อันเลิศในลอม...อันเลิศ
ในฉาง . . . ได้ถวายทานอันเลิศรวม 9 ครั้ง ในหน้าข้าวคราวหนึ่ง

1. ปีติ 5 คือ ขุททกาปีติ ปีติอย่างน้อย, ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะ, โอกกันติกาปีติ ปีติเป็น
พัก ๆ. อุพเพงคาปีติ ปีติอย่างโลดโผน, ผรณาปีติ ปีติอย่างซาบซ่าน

ด้วยประการอย่างนี้. ที่แห่งข้าวอันเขาถือเอาแล้ว ๆ ได้เต็มดังเดิม
ทุก ๆ ครั้งไป. ข้าวกล้าได้งอกงามสมบูรณ์ขึ้นเป็นอย่างยิ่ง, ชื่อว่าธรรมนี้
ย่อมรักษาซึ่งผู้รักษาตน. (สมดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า)
" ธรรมแล ย่อมรักษาผู้มีปกติประพฤติธรรม1
ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ นี้เป็น
อานิสงส์ในธรรมที่เขาประพฤติดี ผู้ประพฤติ
ธรรมเป็นปกติ ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ.

อัญญาโกณฑัญญะ ปรารถนาเพื่อแทงตลอดธรรมอันเลิศก่อน
[ เขา] จึงได้ถวายทานอันเลิศ 9 ครั้ง ในกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ด้วยประการอย่างนี้แล.
อนึ่ง แม้ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ2 ในหง-
สาวดีนคร ในที่สุดแสนกัลป์แต่นี้ไป เขาถวายมหาทานตลอด 7 วันแล้ว
หมอบลงแทบบาทมูลของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ตั้งปรารถนา
เพื่อแทงตลอดธรรมอันเลิศก่อน [ เขา ] เหมือนกัน. เราได้ให้ผลที่
อัญญาโกณฑัญญะนี้ปรารถนาแล้วทีเดียว ด้วยประการฉะนี้. เราหาได้
เลือกหน้าให้ไม่."

บุรพกรรมของชน 55 คนมียสกุลบุตรเป็นต้น


ภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า "ชน 55 คน มียสกุลบุตรเป็นประมุข
ทำกรรมอะไรไว้ พระเจ้าข้า."

1. ขุ. ชา. 72/290 ขุ. เถร. 21/314. 2.ขุ. พุ. 33/467.