เมนู

สห. อย่าทำอย่างนั้นเลย ท่านอาจารย์.
ส. ช่างเถอะ พ่อ พ่อพากันไปเถอะ, เราจักไม่สามารถ.
สห. ท่านอาจารย์ จำเดิมแต่กาลแห่งพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น
ในโลก มหาชนมีของหอมระเบียบดอกไม้เป็นต้นในมือไปบูชาพระองค์
เท่านั้น, แม้กระผมทั้งสองก็จักไปในที่นั้นเหมือนกัน, ท่านอาจารย์จะทำ
อย่างไร ?
ส. พ่อทั้งสอง ในโลกนี้ มีคนเขลาหากหรือมีคนฉลาดมาเล่า ?
สห. คนเขลามากขอรับ ท่านอาจารย์ อันคนฉลาดมีเพียงเล็ก
น้อย.
ส. พ่อทั้งสอง ถ้ากระนั้น พวกคนฉลาด ๆ จักไปสู่สำนัก
พระสมณโคดม, พวกคนเขลา ๆ จักมาสู่สำนักเรา พ่อไปกันเถิด เรา
จักไม่ไป.
สหายทั้งสองนั้นจึงกล่าวว่า "ท่านอาจารย์ ท่านจักปรากฏเอง"
ดังนี้แล้ว หลีกไป. เมื่อสหายทั้งสองนั้นไปอยู่. บริษัทของสญชัยแตก
กันแล้ว. ขณะนั้นอารามได้ว่างลง. สญชัยนั้นเห็นอารามว่างแล้ว ก็
อาเจียนออกเป็นเป็นโลหิตอุ่น. ในปริพาชก 500 คน ซึ่งไปกับสหาย
ทั้งสองนั้น บริษัทของสญชัย 250 คนกลับแล้ว. สหายทั้งสองได้ไปสู่
พระเวฬุวัน พร้อมด้วยปริพาชก 250 คน ผู้เป็นอันเตวาสิกของตน.

ศิษย์สำเร็จอรหัตผลก่อนอาจารย์


พระศาสดา ประทับนั่งแสดงธรรมในท่ามกลางบริษัท 4 ทอด
พระเนตรเห็นปริพาชกเหล่านั้นแต่ไกลทีเดียว ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย

ด้วยพระดำรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย สองสหายนั่นกำลังมา คือโกลิตะ
และอุปติสสะ ทั้งสองนั่นจักเป็นคู่สาวกที่ดีเลิศของเรา." สองสหายนั้น
ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. เขาทั้งสองได้กราบทูล
คำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบท
ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิดพระเจ้าข้า." พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ว่า "ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด, ธรรมเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติ
พรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด." คนทั้งหมดได้เป็นผู้
ทรงบาตรจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ ราวกะว่าพระเถระ 100 พรรษา.
ครั้งนั้น พระศาสดา ทรงขยายพระธรรมเทศนาด้วยอำนาจจริยา
แก่บริษัทของทั้งสองสหายนั้น เว้นพระอัครสาวกทั้งสองเสีย, ชนที่
เหลือ บรรลุพระอรหัตแล้ว. ก็กิจด้วยมรรคเบื้องสิ่งของพระอัครสาวก
ทั้งสองมิได้สำเร็จแล้ว.
ถามว่า "เพราะเหตุไร."
แก้ว่า "เพราะสาวกบารมีญาณเป็นของใหญ่."
ต่อมาในวันที่ 2 แต่วันบวชแล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะ
เข้าไปอาศัยหมู่บ้านกัลลวาละ1 ในแคว้นมคธอยู่, เมื่อถีนมิทธะครอบงำ,
อันพระศาสดาทรงให้สังเวชแล้ว บรรเทาถีนมิทธะได้ กำลังฟังพระธาตุ-
กรรมฐาน ที่พระตถาคตประทานแล้ว ได้ยังกิจในมรรค 3 เบื้องบน
ให้สำเร็จ บรรลุที่สุดสาวกบารมีญาณแล้ว.
ฝ่ายพระสารีบุตร ล่วงได้กึ่งเดือนแต่วันบวช เข้าไปอาศัยกรุง
ราชคฤห์นั้นแหละ อยู่ในถ้ำสูกรขาตา กับด้วยพระศาสดา, เมื่อพระ-

1. มหาโมคคัลลานสูตร. อัง. สัตตกะ. 23/77 ว่า กลฺลวาลมุตฺตคามกํ.

ศาสดาทรงแสดงเวทนาปริคคหสูตร1 แก่ทีฆนขปริพาชกผู้หลานของตน,
ส่งญาณไปตามกระแสแห่งพระสูตร ก็ได้บรรลุที่สุดสาวกบารมีญาณ
เหมือนผู้ที่บริโภคภัตที่เขาคดให้ผู้อื่น.
มีคำถามว่า "ก็ท่านพระสารีบุตร เป็นผู้มีปัญญามาก มิใช่หรือ ?
เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร จึงบรรลุสาวกบารมีญาณช้ากว่าพระมหา-
โมคคัลลานะ."
แก้ว่า "เพราะมีบริกรรมมาก." เหมือนอย่างว่า พวกคนเข็ญใจ
ประสงค์จะไปในที่ไหน ๆ ก็ออกไปได้รวดเร็ว, ส่วนพระราชาต้องได้
ตระเตรียมมาก มีการตระเตรียมช้างพระราชพาหนะเป็นต้น จึงสมควร
ฉันใด, อุปไมยนี้ พึงทราบฉันนั้น.

พวกภิกษุติเตียนพระศาสดา


ก็ในเวลาบ่ายวันนั้นเอง พระศาสดา ทรงประชุมพระสาวกที่
พระเวฬุวัน ประทานตำแหน่งพระอัครสาวกแก่พระเถระทั้งสองแล้วทรง
แสดงพระปาติโมกข์.
พวกภิกษุ ติเตียนกล่าวว่า "พระศาสดา ประทาน [ตำแหน่ง]
แก่ภิกษุทั้งหลาย โดยเห็นแก่หน้า, อันพระองค์เมื่อจะประทานตำแหน่ง
อัครสาวก ควรประทานแก่พระปัญจวัคคีย์ผู้บวชก่อน. เมื่อไม่เหลียวแล
ถึงพระปัญจวัคคีย์เหล่านั่น ก็ควรประทานแก่ภิกษุ 55 รูป มีพระยส-
เถระเป็นประมุข, เมื่อไม่เหลียวแลถึงภิกษุเหล่านั่น ก็ควรประทานแก่
พระพวกภัทรวัคคีย์. เมื่อไม่เหลียวแลถึงพระพวกภัทรวัคคีย์เหล่านั่น ก็

1. ม. ม. 13/262 เป็น ทีฆนขสูตร.