เมนู

8. เรื่องสญชัย [8]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภความไม่มา
ของสญชัย (ปริพาชก ) ซึ่งสองพระอัครสาวกกราบทูลแล้ว ตรัส
พระธรรมเทศนานี้ว่า "อสาเร สารมติโน" เป็นต้น. อนุปุพพีกถา
ในเรื่องสญชัยนั้น ดังต่อไปนี้:-

พระศาสดาได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า 23 พระองค์


ความพิสดารว่า ในที่สุด 4 อสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัลป์แต่กัลป์
นี้ไป พระศาสดาของเราทั้งหลาย เป็นกุมารของพราหมณ์นามว่าสุเมธะ
ในอมรวดีนคร ถึงความสำเร็จศิลปะทุกอย่างแล้ว โดยกาลล่วงไปแห่ง
มารดาและบิดา ทรงบริจาคทรัพย์นับได้หลายโกฏิ บวชเป็นฤษีอยู่ใน
หิมวันตประเทศ ทำฌานและอภิญญาให้เกิดแล้ว ไปโดยอากาศเห็นคน
ถางทางอยู่เพื่อประโยชน์เสด็จ (ออก) จากสุทัศนวิหาร เข้าไปสู่อมร-
วดีนคร แห่งพระทศพลทรงพระนามว่าทีปังกร แม้ตนเองก็ถือเอา
ประเทศแห่งหนึ่ง, เมื่อประเทศนั้น ยังไม่ทันเสร็จ, นอนทอดตนให้
เป็นสะพาน ลาดหนังเสือเหลืองบนเปือกตม เพื่อพระศาสดาผู้เสด็จมาแล้ว
ด้วยประสงค์ว่า "ขอพระศาสดาพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก ไม่ต้องทรง
เหยียบเปือกตม จงทรงเหยียบเราเสด็จไปเถิด" แต่พอพระศาสดาทอด
พระเนตรเห็น ก็ทรงพยากรณ์ว่า "ผู้นี้เป็นพุทธังกูร1 จักเป็นพระพุทธ-

1. หน่อเนื้อ, เชื้อสาย แห่งพระพุทธเจ้า.

เจ้าทรงพระนามว่าโคดม ในที่สุด 4 อสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัลป์ใน
อนาคต," ในสมัยต่อมาแห่งพระศาสดาพระองค์นั้น ก็ได้รับพยากรณ์
ในสำนักพระพุทธเจ้า 23 พระองค์ ซึ่งเสด็จอุบัติขึ้นส่องโลกให้สว่าง
เหล่านี้ คือ พระโกณฑัญญะ 1 พระสุมังคละ 1 พระสุมนะ 1 พระ-
เรวตะ 1 พระโสภิตะ 1 พระอโนมทัสสี 1 พระปทุมะ 1 พระ-
นารทะ 1 พระปทุมุตตระ 1 พระสุเมธะ 1 พระสุชาตะ 1 พระปิย-
ทัสสี 1 พระอัตถทัสสี 1 พระธรรมทัสสี 1 พระสิทธัตถะ 1 พระ-
ติสสะ 1 พระปุสสะ 1 พระวิปัสสี 1 พระสิขี 1 พระเวสสภะ 1
พระกกุสันธะ 1 พระโกนาคมนะ 1 พระกัสสปะ 1," ทรงบำเพ็ญ
บารมีครบ 30 คือบารมี 10 อุปบารมี 10 ปรมัตถบารมี 10 (ครั้ง)
ดำรงอยู่ในอัตภาพเป็นพระเวสสันดร ให้มหาทาน อันทำแผ่นดินให้ไหว
7 ครั้ง ทรงบริจาคพระโอรสและพระชายา. ในที่สุดพระชนมายุ, ก็ทรง
อุบัติในดุสิตบุรี ดำรงอยู่ในดุสิตบุรีนั้น ตลอดพระชนมายุ, เมื่อเทวดา
ในหมื่นจักรวาลประชุมกันอาราธนาว่า
"ข้าแต่พระมหาวีระ กาลนี้ เป็นกาลของพระ-
องค์, ขอพระองค์ จงเสด็จอุบัติในพระครรภ์พระ-
มารดา ตรัสรู้อมตบท ยังโลกนี้กับทั้งเทวโลกให้
ข้ามอยู่."

ทรงเลือกฐานะใหญ่ ๆ ที่ควรเลือก1 5 เสด็จจุติจากดุสิตบุรีนั้นแล้ว
ทรงถือปฏิสนธิในศากยราชสกุล อันพระประยูรญาติบำเรออยู่ด้วยมหา-
สมบัติในศากยสกุลนั้น ทรงถึงความเจริญวัยโดยลำดับ เสวยสิริราช-

1. ฐานใหญ่ที่ควรเลือก 5 คือ 1. กาล 2. ประเทศ 3. ทวีป 4. ตระกูล 5. มารดา.

สมบัติในปราสาททั้งสามอันสมควรแก่ฤดูทั้งสามดุจสิริสมบัติในเทวโลก.

ทรงเห็นเทวทูตแล้วเสด็จบรรพชา


ในสมัยที่เสด็จไปเพื่อประพาสพระอุทยาน ทรงเห็นเทวทูต 3
กล่าวคือคนแก่ คนเจ็บ และคนตาย โดยลำดับ ทรงเกิดความสังเวช
เสด็จกลับแล้ว. ในวันที่ 4 ทรงเห็นบรรพชิต ยังความพอพระทัยใน
การบรรพชาให้เกิดขึ้นว่า "การบรรพชาดี, เสด็จไปสู่อุทยาน ยังวัน
ให้สิ้นไปในพระอุทยานนั้น ประทับนั่งริมขอบสระโบกขรณีอันเป็นมงคล
อันวิสสุกรรมเทพบุตรผู้จำแลงเพศเป็นช่างกัลบกมาตบแต่งถวาย ทรงสดับ
ข่าวประสูติของราหุลกุมาร ทรงทราบถึงความสิเนหาในพระโอรสมีกำลัง
ทรงพระดำริว่า "เราจักตัดเครื่องผูกนี้ จนผูกมัด (เรา ) ไม่ได้
ทีเดียว," เวลาเย็นเสด็จเข้าไปยิ่งพระนคร ทรงสดับคาถานี้ ที่พระธิดา
ของพระเจ้าอา พระนามว่า กิสาโคตมี ภาษิตว่า
"พระราชกุมารผู้เช่นนี้ เป็นพระราชโอรสแห่ง
พระชนนีพระชนก และเป็นพระสวามีของพระนาง
ใด ๆ พระชนนีพระชนกและพระนางนั้น ๆ ดับ
( เย็นใจ ) แน่แล้ว"

ทรงพระดำริว่า "เราอันพระนางกิสาโคตมีนี้ (สวด ) ให้ได้ยิน
นิพพุตบทแล้ว," จึงเปลื้องแก้วมุกดาหารจากพระศอ ส่งไปประทานแก่
พระนางแล้ว เสด็จเข้าไปสู่ที่อยู่ของพระองค์ ประทับนั่งบนพระแท่น
บรรทมอันมีสิริ ทอดพระเนตรเห็นประการอันแปลกของหมู่หญิงฟ้อนที่
เข้าถึงความหลับแล้ว มีพระทัยเบื่อหน่าย จึงปลุกนายฉันนะให้ลุกขึ้น ให้