เมนู

อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี บริจาคทรัพย์นับได้ 54 โกฏิสร้างถวาย, ทรง
สั่งสอนมหาชนให้ตั้งอยู่ในทางสวรรค์และในทางนิพพาน.
แท้จริง พระตถาคตเสด็จอยู่จำพรรษา ๆ เดียวเท่านั้นในนิโครธ-
มหาวิหารที่พระญาติวงศ์ฝ่ายพระชนนี 8 หมื่นตระกูล, ฝ่ายพระชนก 8
หมื่นตระกูล เข้ากันเป็นแสนหกหมื่นตระกูลสร้างถวาย, เสด็จอยู่
จำพรรษา ณ เชตวันมหาวิหาร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย 19
พรรษา, เสด็จจำพรรษา ณ บุพพาราม ที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาบริจาค
ทรัพย์นับได้ 27 โกฏิสร้างถวาย 6 พรรษา. ทรงอาศัยที่ตระกูลทั้งสอง
เป็นผู้ใหญ่โดยคุณธรรม เสด็จอยู่จำพรรษาอาศัยกรุงสาวัตถี (เป็น
โคจรคาม) ถึง 25 พรรษา ด้วยประการฉะนี้.

ผู้บำรุงภิกษุสามเณร


ทั้งท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ทั้งวิสาขามหาอุบาสิกา ย่อมไปสู่ที่
อุปัฏฐากพระตถาคตเจ้าวันละ 2 ครั้งเป็นประจำ. และเมื่อไปไม่เคยมีมือ
เปล่าไป ด้วยคิดเกรงว่า " ภิกษุหนุ่มและสามเณร จักแลดูมือตน."
เมื่อไปก่อนเวลาฉันอาหาร ย่อมใช้ให้คนถือของขบเคี้ยวเป็นต้นไป; เมื่อ
ไปภายหลังแต่เวลาฉันอาหาร ใช้ให้คนถือปัญจเภสัช2 และอัฐบาน3
ไป. และในเคหสถานแห่งท่านทั้งสองนั้น เขาแต่งอาสนะไว้เพื่อภิกษุ

1. กุล ตระกูล สกุล ครอบครัว (Family) . 2. เภสัช 5 คือ เนยใส 1 เนยข้น
1 น้ำมัน 1 น้ำผึ้ง 1 น้ำอ้อย 1. 3. ปานะ 8 คือ น้ำมะม่วง 1 น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า 1
น้ำกล้วยมีเมล็ด 1 น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด 1 น้ำมะซาง 1 น้ำลูกจันทร์ หรือองุ่น 1 น้ำเหง้า
อุบล 1 น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่ 1.

แห่งละ 2 พันรูปเป็นนิตยกาล. พระภิกษุรูปใด ปรารถนาของสิ่งใด
จะเป็นข้าวน่าหรือเภสัช ของนั้นก็สำเร็จแก่พระภิกษุรูปนั้นสมปรารถนา.

เศรษฐีไม่เคยทูลถามปัญหา


ในท่านทั้งสองนั้น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ไม่เคยทูลถาม
ปัญหาต่อพระศาสดา จนวันเดียว. ได้ยินว่า ท่านคิดว่า " พระ-
ตถาคตเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ละเอียดอ่อน เป็นกษัตริย์ผู้ละเอียดอ่อน
เมื่อทรงแสดงธรรมแก่เรา ด้วยทรงพระดำริว่า ' คฤหบดีมีอุปการะ
แก่เรามาก ่ ดังนี้ จะทรงลำบาก " แล้วไม่ทูลถามปัญหาด้วยความรัก
ในพระศาสดาเป็นอย่างยิ่ง. ฝ่ายพระศาสดา พอท่านเศรษฐีนั่งแล้ว
ทรงพระพุทธดำริว่า " เศรษฐีผู้นี้ รักษาเราในที่ไม่ควรรักษา, เหตุว่า
เราได้ตัดศีรษะของเราอันประดับประดาแล้ว ควักดวงตาของเราออกแล้ว
ชำแหละเนื้อหัวใจของเราแล้ว สละลูกเมียผู้เป็นที่รักเสมอด้วยชีวิตของ
เราแล้ว บำเพ็ญบารมีอยู่ 4 อสงไขยกับแสดงกัลป์ ก็บำเพ็ญแล้วเพื่อ
แสดงธรรมแก่ผู้อื่นเท่านั้น เศรษฐีนี่รักษาเราในที่ไม่ควรรักษา," (ครั้น
ทรงพุทธดำริ) ฉะนี้แล้ว ก็ตรัสพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่งเสมอ.

ชาวสาวัตถีไปฟังธรรม


ครั้งนั้น ในกรุงสาวัตถี มีคนอยู่ 7 โกฏิ1. ในคนหมู่นั้น คน
ได้ฟังธรรมกถาของพระศาสดาแล้ว เกิดเป็นอริยสาวกประมาณ 5 โกฏิ

1. ในกรุงสาวัตถีไม่ปรากฏว่าใหญ่โตถึงกับจุคนได้ตั้ง 70 ล้าน เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นอเนก-
สังขยากระมัง ?