เมนู

เมื่ออายุได้ 7 ขวบโดยกำเนิด. พระผู้มีพระภาคเจ้าพระพุทธประสงค์จะทรง
อนุญาตการอุปสมบทด้วยการพยากรณ์ [ตอบ] ปัญหาแก่ท่าน ทรงเห็นว่า
ท่านเป็นผู้สามารถพยากรณ์ปัญหาทั้งหลาย ที่มีความอันพระองค์ทรงประสงค์
แล้ว จึงตรัสถามปัญหา โดยนัยเป็นต้นอย่างนี้ว่า อะไรเอ่ย ชื่อว่าหนึ่ง.
ท่านก็พยากรณ์ และทำจิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงยินดีด้วยการพยากรณ์
นั้น. อันนั้นนั่นแลได้เป็นอุปสมบทของท่านพระโสปากะนั้น.
นี้เป็นเหตุเกิดเรื่องของสามเณรปัญหาเหล่านั้น.

ประโยชน์ของการวางบทตั้ง


ก็เพราะเหตุที่ประกาศจิตตภาวนา โดยระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระ-
ธรรมและพระสงฆ์ด้วยสรณคมน์ ประกาศศีลภาวนาด้วยสิกขาบทและประกาศ
กายภาวนาด้วยทวัตติงสาการ ฉะนั้น บัดนี้ จึงวางการพยากรณ์ปัญหาเหล่านี้
เป็นบทตั้งในที่นี้ เพื่อแสดงมุข คือ ปัญญาภาวนา โดยประการต่าง ๆ หรือ
เพราะเหตุที่สมาธิมีศีลเป็นปทัฏฐาน และปัญญามีสมาธิเป็นปทัฏฐาน เหมือน
อย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวัว่า
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ นรชน
ผู้มีปัญญา ตั้งอยู่ในศีล เจริญจิตและปัญญา ดังนี้ ฉะนั้น จึงควรทราบแม้
ว่า ข้าพเจ้าครั้นแสดงศีลด้วยสิกขาบททั้งหลาย และสมาธิที่มีศีลนั้นเป็นโคจร
ด้วยทวัตติงสาการแล้ว จึงวางปัญหาพยากรณ์เป็นบทตั้งไว้ในที่นี้ เพื่อแสดง
ประเภทแห่งปัญญา อันเป็นเครื่องตรวจตราธรรมต่าง ๆ สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น
แล้ว.
นี้เป็นประโยชน์ของการว่างปัญหาเหล่านั้น เป็นบทตั้งในที่นี้.

พรรณนาปัญหาว่าอะไรเอ่ย ชื่อว่า 1


บัดนี้ จะพรรณนาความของปัญหาเหล่านั้น. ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ
ในธรรมอย่างหนึ่งอันใด ย่อมทำที่สุดทุกข์ได้โดยลำดับ อนึ่ง ท่านพระโสปากะ
นี้ เมื่อหน่ายในธรรมอย่างหนึ่งอันใด ได้ทำที่สุดทุกข์แล้ว พระผู้มีพระภาค
เจ้า ทรงหมายถึงธรรมนั้น จึงตรัสถามปัญหาว่า อะไรเอ่ย ชื่อว่าหนึ่ง.
พระเถระทูลตอบด้วยเทศนาเป็นบุคคลธิษฐานว่า สัตว์ทั้งปวงทั้งอยู่ได้ด้วย
อาหาร. ในข้อนี้ พระสูตรทั้งหลายเป็นต้นอย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัมมาสติเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายดังนี้ เป็น
เครื่องสาธกในความเกิดข้อยุติด้วยการตอบอย่างนี้. ในข้อนี้ สัตว์ทั้งปวง
ท่านกล่าวว่า ดังอยู่ได้ด้วยอาหารโดยอาหารใด อาหารนั้น หรือความที่สัตว์
เหล่านั้นตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร พึงทราบว่า พระเถระผู้ถูกตรัสถามว่า อะไรเอ่ย
ชื่อว่า 1 ทูลชี้แจงแล้ว. จริงอยู่ ข้อนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์ว่า
ชื่อว่า 1 ในที่นี้ แต่มิใช่ตรัสเพื่อให้รู้ว่า ชื่อว่า อย่างอื่นในพระศาสนา
หรือในโลก ไม่มี. ความจริง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรมอย่างหนึ่ง ภิกษุ
เมื่อหน่ายโดยชอบ เมื่อคลายโดยชอบ เมื่อหลุดพ้น
โดยชอบ เห็นที่สุดโดยชอบ ตรัสรู้ความเป็นธรรม
โดยชอบ ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในทิฏฐธรรม คือ
ปัจจุบัน ในธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน คือในธรรมอย่าง
หนึ่งว่า สัตว์ทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรมอย่างหนึ่งนี้แล
ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ เมื่อคลายโดยชอบ เมื่อหลุดพ้น