เมนู

ยถาภูตญาณทัสสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ ย่อมเป็นธรรมมี
เหตุสมบูรณ์ เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะมีอยู่ นิพพิทาของบุคคลผู้สมบูรณ์
ด้วยยถาภูตญาณทัสสนะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อนิพพิทามีอยู่
วิราคะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทา ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อ
วิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็น
ธรรมมีเหตุสมบูรณ์.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบสมบูรณ์ แม้
กะเทาะของต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่นของ
ต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิปฎิสารของบุคคล
ผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่
ความปราโมทย์ของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุ
สมบูรณ์ ฉันนั้นเหมือนกัน.
จบปฐมอุปนิสาสูตรที่ 3

4. ทุติยอุปนิสาสูตร


ว่าด้วยบุคคลผู้ทุศีลกำจัดอวิปฏิสาร


[211] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้เรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุ
อันบุคคลผู้ทุศีลมีศีลวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์
ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว... เมื่อวิราคะไม่มี
วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุ อันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว.

ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว
แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่น
ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉันใด ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสาร
ชื่อว่ามีเหตุ อันบุคคลผู้ทุศีลมีวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี
ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว ฯลฯ
วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่า มีเหตุอันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว ฉันนั้น
เหมือนกัน.
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล
ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่... เมื่อวิราคะมีอยู่ วิมุตติ-
ญาณทัสสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์.
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบสมบูรณ์
แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่นของ
ต้นไม้นั้น ก็ย่อมสมบูรณ์ฉันใด ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารของ
บุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสาร
มีอยู่ ความปราโมทย์ของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรมมี
เหตุสมบูรณ์ ฯลฯ วิมุตติญาณทัสสนะของบุคคลสมบูรณ์ด้วยวิราคะ
ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ฉันนั้นเหมือนกัน .
จบทุติยอุปนิสาสูตรที่ 4

5. ตติยอุปนิสาสูตร


ว่าด้วยผู้ทุศีลขจัดอวิปฏิสาร


[212] ณ ที่นั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระอานนท์แล้ว ท่าน
พระอานนท์ได้กล่าวว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุอัน
บุคคลผู้ทุศีลมีศีลวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อ
ว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอวิปฎิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว...เมื่อวิราคะไม่มี วิมุตติ-
ญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว.
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว
แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้
แก่นของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่บริบูรณ์ฉันใด กูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิ-
ปฏิสารชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้ทุศีลมีศีลวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสาร
ไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว
ฯลฯ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุลคลผู้มีวิริาคะวิบัติขจัดเสียแล้ว
ฉันนั้นเหมือนกัน.
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์
ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่ ความปราโมทย์
ของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์... เมื่อ
วิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็น
ธรรมมีเหตุสมบูรณ์.
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบสมบูรณ์
แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่น