เมนู

4. อรรถสูตร


ว่าด้วยประโยชน์และสิ่งไม่เป็นประโยชน์


[137] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงประโยชน์และสิ่งไม่เป็น
ประโยชน์แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งไม่เป็นประโยชน์เป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ
มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าสิ่งไม่เป็นประโยชน์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็
ประโยชน์เป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าประโยชน์.
จบอรรถสูตรที่ 4

5. ธรรมสูตร

ว่าด้วยธรรมและอธรรม


[138] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมและอธรรม แก่
เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้น
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ก็อธรรมเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่า
อธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรม.
จบธรรมสูตรที่ 5

6. อาสวธรรมสูตร


ว่าด้วยธรรมที่มีอาสวะและไม่มีอาสวะ


[139] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่มีอาสวะ และ

ธรรมที่ไม่มีอาสวะแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพึง จงใส่ใจให้ดี เรา
จักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มีอาสวะเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ
ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่มีอาสวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็
ธรรมที่ไม่มีอาสวะเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่า
ธรรมที่ไม่มีอาสวะ.
จบอาสวธรรมสูตรที่ 6

7. สาวัชชธรรมสูตร


ว่าด้วยธรรมที่มีโทษและไม่มีโทษ


[140] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่มีโทษและธรรม
ที่ไม่มีโทษแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มีโทษเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-
วิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่มีโทษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ไม่มีโทษ
เป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่ไม่มีโทษ.
จบสาวัชชธรรมสูตรที่ 7

8. ตปนิยธรรมสูตร


ว่าด้วยธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อนและไม่เร่าร้อน


[141] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความเร่าร้อน และธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อน แก่เธอทั้งหลาย