เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคล
ควรทราบ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นประโยชน์บุคคลก็ควรทราบ
ครั้น ทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
และสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็น
ประโยชน์เถิด คำที่เรากล่าวดังนี้ เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุนี้.
จบทุติยอธรรมสูตรที่ 2

3. ตติยอธรรมสูตร


ว่าด้วยพระอานนท์แสดงจำแนกธรรม


ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วโดยพิสดาร


[115] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรม
บุคคลควรทราบ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นประโยชน์บุคคลก็
ควรทราบ ครั้นทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็น
ประโยชน์และสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตาม
สิ่งที่เป็นประโยชน์ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตครั้นตรัสพระพุทธพจน์นี้
แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร.
ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหลีกไปแล้วไม่นาน ภิกษุ
เหล่านั้นพูดกันดังนี้ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา
ทั้งหลายทรงแสดงอุเทศนี้โดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม
และสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ.... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตาม
สิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจาก
อาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ใครหนอแลพึงจำแนกอรรถแห่งอุเทศที่พระผู้-



มีพระภาคเจ้าทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดย
พิสดารได้ ลำดับนั้น ภิกษุเหล่านั้นมีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระอานนท์
นี้แล พระศาสดาทรงสรรเสริญแล้ว และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็น
วิญญูยกย่องแล้ว ท่านพระอานนท์ย่อมสามารถเพื่อจะจำแนกอรรถแห่ง
อุเทศ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถ
โดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ไฉนหนอ เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่าน
พระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้วพึงถามอรรถอันนี้กะท่านพระอานนท์ ท่าน
พระอานนท์จักพยากรณ์ด้วยประการใด เราทั้งหลายจักทรงจำอรรถนั้นไว้
ด้วยประการนั้น ลำดับนั้น ภิกษุเหล่านั้นได้เข้าไปหาท่านพระอานนท์
ถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัย
พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กล่าว
กะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนท่านอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ของเราทั้งหลายทรงแสดงอุเทศนี้โดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่
เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็น
ธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร
เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ดูก่อนผู้มีอายุ กระผมทั้งหลายได้
พูดกันดังนี้ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย
ทรงแสดงอุเทศนี้โดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่
เป็นธรรมบุคคลควรทราบ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็น
ประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกโดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่
พระวิหาร ใครหนอแล พึงจำแนกอรรถแห่งอุเทศที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ดูก่อนผู้มีอายุ

กระผมทั้งหลายได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระอานนท์นี้แล พระศาสดา
ทรงสรรเสริญแล้ว และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่องแล้ว
ท่านพระอานนท์ย่อมสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศที่พระผู้มีพระภาค-
เจ้าทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ไฉน
หนอแล เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว
พึงถามอรรถอันนี้กะท่านพระอานนท์ ท่านพระอานนท์จักพยากรณ์ด้วย
ประการใด เราทั้งหลายจักทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น ขอท่าน
พระอานนท์จงจำแนกเถิด.
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเสมือน
บุรุษต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อ
ต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ก็ล่วงเลยรากไปเสีย ล่วงเลยลำต้นไปเสีย พึง
สำคัญกิ่งและใบว่า เป็นแก่นไม้ที่ตนพึงแสวงหา แม้ฉันใด ข้ออุปไมยนี้
ก็ฉันนั้น เมื่อพระศาสดาประทับอยู่เฉพาะประทับท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ท่าน
ทั้งหลายผ่านพ้นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเสียแล้ว ย่อมสำคัญอรรถ
อันนั้นว่าควรถามข้าพเจ้า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
องค์นั้นเป็นผู้มีพระจักษุ มีพระญาณ มีธรรม ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ตรัสบอก ทรง
ให้เป็นไป ทรงแสดงประโยชน์ ประทานอมตธรรม เป็นเจ้าของธรรม
เป็นพระตถาคต ทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรมที่ควรเห็น ก็แหละ
กาลนั้น เป็นกาลสมควรที่ท่านทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
นั่นเทียว แล้วพึงทูลถามอรรถอันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์
แก่ท่านทั้งหลายด้วยประการใด ท่านทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วย
ประการนั้นเถิด.

ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า ดูก่อนท่านอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาค-
เจ้าพระองค์นั้นเป็นผู้มีพระจักษุ มีพระญาณ มีธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่
เป็นผู้ตรัสบอก ทรงให้เป็นไป ทรงแสดงประโยชน์ ประทานอมตธรรม
เป็นเจ้าของธรรม เป็นพระตถาคต ทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรม
ที่ควรเห็น ก็แหละกาลนั้น เป็นกาลสมควรที่กระผมทั้งหลายเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเทียว แล้วพึงทูลถามอรรถอันนั้น พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงพยากรณ์แก่กระผมทั้งหลายด้วยประการใด กระผมทั้งหลาย
พึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้นโดยแท้ ก็แต่ว่า ท่านพระอานนท์
พระศาสดาทรงสรรเสริญแล้ว และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญู
ยกย่องแล้ว ท่านพระอานนท์ย่อมสามารถ เพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศ
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้
โดยพิสดารได้ ขอท่านพระอานนท์ไม่ทำความหนักใจแล้วจงจำแนกเถิด.
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น ท่าน
ทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่าน
พระอานนท์แล้ว ท่านพระอานนท์ก็ได้กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุเทศโดยย่อว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ...
พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนก
โดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย
ก็ในอุเทศนั้น สิ่งที่ไม่เป็นธรรมเป็นไฉน สิ่งที่เป็นธรรมเป็นไฉน
สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เป็นไฉน และสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นไฉน ดูก่อน
อาวุโสทั้งหลาย ความเห็นผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความเห็นชอบ

เป็นสิ่งที่เป็นธรรม อกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะความ
เห็นผิดเป็นปัจจัย เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย
ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะความเห็นชอบเป็นปัจจัย เป็นสิ่งที่เป็น
ประโยชน์.
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความดำริผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความ
ดำริชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย การเจรจาผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม การ
เจรจาชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย การงานผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม การงาน
ชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย การเลี้ยงชีพผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม การ
เลี้ยงชีพชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความพยายามผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความ
พยายามชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความระลึกผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความ
ระลึกชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความตั้งใจผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความ
ตั้งใจชอบเป็นสิ่งเป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความรู้ผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความรู้
ชอบเป็นสิ่งที่เป็นธรรม...
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความหลุดพ้นผิดเป็นสิ่งที่เป็นธรรม ความ
หลุดพ้นชอบเป็นสิ่งเป็นธรรม อกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้น

เพราะความหลุดพ้นผิดเป็นปัจจัย เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศล-
ธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะความหลุดพ้นชอบเป็น
ปัจจัย เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์.
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายทรง
แสดงอุเทศโดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็น
ธรรมบุคคลควรทราบ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็น
ประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะ
เข้าไปสู่พระวิหาร ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย เราย่อมรู้อรรถแห่งอุเทศอัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้
โดยพิสดารได้ ด้วยประการอย่างนี้ ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ก็แล ท่าน
ทั้งหลายหวังอยู่ พึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามอรรถอันนั้น
เถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายทรงพยากรณ์ด้วยประการใด ท่าน
ทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้นเถิด.
ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระอานนท์แล้ว ชื่นชมโมทนาภาษิตของ
ท่านพระอานนท์ ลุกจากอาสนะ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประ-
ทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงแสดงอุเทศโดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม
และสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตาม
สิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจาก
อาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จหลีกไปแล้วไม่นาน ข้าพระองค์ทั้งหลายได้พูดกันว่า ดูก่อนอาวุโส

ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอุเทศโดยย่อว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่
เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร
เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ใครหนอแล พึงจำแนกอรรถแห่ง
อุเทศอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถ
โดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
เหล่านั้นแล ได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระอานนท์นี้แล พระศาสดา
ทรงสรรเสริญแล้ว และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่องแล้ว
ท่านพระอานนท์ย่อมสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศที่พระผู้มีพระภาค
เจ้าทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้
ไฉนหนอ เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว
พึงถามอรรถอันนั้นกะท่านพระอานนท์ ท่านพระอานนท์จักพยากรณ์แก่
เราทั้งหลายด้วยประการใด เราทั้งหลายจักทรงจำไว้ด้วยประการนั้น ดังนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลำดับนั้นแล ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เข้าไปหาท่าน
พระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้ถามอรรถอันนั้นกะท่านพระอานนท์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระอานนท์ได้จำแนกอรรถด้วยดีแก่ข้าพระองค์
เหล่านั้น ด้วยอาการเหล่านี้ ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญชนะเหล่านี้แล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีแล้ว ๆ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อานนท์เป็นบัณฑิต อานนท์เป็นผู้มีปัญญามาก แม้หากว่าเธอ
ทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วถามอรรถอันนั้น แม้เราเองก็พึงพยากรณ์
อรรถนั้นเหมือนอย่างที่อานนท์พยากรณ์แล้วนั่นแหละ นั่นเป็นอรรถของ
อุเทศนั้น และเธอทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้อย่างนั้นเถิด.
จบตติยอธรรมสูตรที่ 3

อรรถกถาตติยอธรรมสูตรที่ 3


ตติยอธรรมสูตรที่ 3

พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา ได้แก่ ตั้งบทมาติกา. บทว่า สติถุ
เจวํ สํรณฺณิโต
ความว่า ท่านพระอานนท์ อันพระศาสดาผู้ทรงสถาปนา
ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ในฐานะ 5 ประการ ทรงสรรเสริญแล้ว . บทว่า
สมฺภาวิโต ความว่า อันเหล่าเพื่อนสพรหมจารีผู้รู้ยกย่องแล้ว ด้วยการ
ยกย่องโดยคุณ. บทว่า ปโหติ แปลว่า ย่อมสามารถ.
บทว่า อติสิตฺวา แปลว่า ล่วงเลย. บทว่า ชานํ ชานาติ
แปลว่า ทรงรู้ข้อที่ควรรู้. บทว่า ปสฺสํ ปสฺสติ แปลว่า ทรงเห็นข้อ
ที่ควรเห็น. บทว่า จกฺขุภูโต ได้แก่ทรงเหมือนมีจักษุบังเกิดแล้ว. บทว่า
ญาณภูโต ได้แก่ทรงมีความรู้เป็นสภาพ. บทว่า ธมฺนภูโต ได้แก่ทรงมี-
ธรรมเป็นสภาพ. บทว่า พฺรหฺมภูโต ได้แก่ ทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดเป็น
สภาพ. บทว่า วตฺตา ได้แก่ ทรงสามารถดำเนินการเอง. บทว่า ปวตฺตา
ได้แก่ ทรงใช้ให้ผู้อื่นดำเนินการ. บทว่า อตฺถสฺส นิพฺเพตา ได้แก่
ทรงชักข้อความมาแสดง. บทว่า ยถา โน ภควา แปลว่า พระผู้มี-
พระภาคเจ้าพึงทรงพยากรณ์แก่พวกเราโดยประการใด.
จบอรรถกถาตติยอธรรมสูตรที่ 3

4. อาชินสูตร


ว่าด้วยอาชินปริพาชก


[116] ครั้งนั้นแล ปริพาชกชื่อว่า อาชินะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการ