เมนู

อรรถกถากัตถีสูตรที่ 5


กัตถีสูตรที่ 9

พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า กตฺถี โหติ วิกตฺถี แปลว่า เป็นผู้มีปกติพูด มีปกติพูดอวด
ย่อมพูดเปิดเผย. บทว่า น สตตการี แปลว่า ไม่ทำต่อเนื่องกัน.
จบอรรถกถากัตตีสูตรที่ 5

6. อัญญสูตร


ว่าด้วยภิกษุละธรรม 10 ประการ จึงถึงความเจริญงอกงาม


ในธรรมวินัยนี้


[86] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหากัสสปะอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้น แล ท่านพระมหา-
กัสสปะเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายผู้มีอายุ ภิกษุเหล่านั้น
รับคำท่านพระมหากัสสปะแล้ว ท่านพระมหากัสสปะได้กล่าวคำนี้ ว่าดูก่อน
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพยากรณ์อรหัตผลว่า เรา
รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระ-
ตถาคตผู้ได้ฌาน ผู้ฉลาดในสมาบัติ ผู้ฉลาดในจิตของผู้อื่น ผู้ฉลาดในการ
กำหนดรู้จิตของผู้อื่น ย่อมไล่เลียง สอบถาม ซักถามภิกษุนั้น ภิกษุนั้น
อันพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ผู้ฉลาดในสมาบัติ ผู้
ฉลาดในจิตของผู้อื่น ผู้ฉลาดในการกำหนดรู้จิตของผู้อื่น ไล่เลียง สอน-
ถาม ซักถามอยู่ ย่อมถึงความเป็นผู้เปล่า ถึงความเป็นผู้ไม่มีคุณ ถึงความ
ไม่เจริญ ถึงความพินาศ ถึงความไม่เจริญและความพินาศ พระตถาคต

หรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ผู้ฉลาดในสมาบัติ ผู้ฉลาดในจิตของ
ผู้อื่น ผู้ฉลาดในการกำหนดรู้จิตของผู้อื่น กำหนดใจด้วยใจแล้ว กระทำ
ไว้ในใจซึ่งภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า เพาะเหตุอะไรหนอ ท่านผู้นี้จึงพยากรณ์
อรหัตผลว่า เราย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว . . . กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน... กำหนด
ใจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีความสำคัญผิด สำคัญ
ผิดโดยสัตย์จริง มีความสำคัญในสิ่งที่ยังไม่ถึงว่าได้ถึง มีความสำคัญใน
สิ่งที่ไม่ได้กระทำว่ากระทำ มีความสำคัญในสิ่งที่ยังไม่ได้บรรลุว่าบรรลุ
จึงพยากรณ์อรหัตผลด้วยด้วยความสำคัญผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว . . .
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระ-
ตถาคตผู้ได้ฌาน. . . กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมทำไว้ในใจซึ่งภิกษุนั้น
อย่างนี้ว่า เพราะอาศัยอะไรหนอ ท่านผู้นี้จึงมีความสำคัญผิด. . .พยากรณ์
อรหัตผลด้วยความสำคัญผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว. . . กิจอื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้
ฌาน... กำหนดใจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้มีสุตะ
มาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้คล่องปาก ขึ้นใจ
แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามใน
ท่ามกลาง งานในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง เพราะฉะนั้น ท่านผู้นี้จึงมีความสำคัญผิด...
จึงพยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญผิดว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว. . .
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระ-
ตถาคตผู้ได้ฌาน. . . กำหนดไจด้วยใจแล้ว ย่อมรู้ภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า ท่าน

ผู้นี้มีอภิชฌามาก มีใจอันอภิชฌากลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุม
แห่งอภิชฌานี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินับพระตถาคตประกาศแล้ว
ท่านผู้นี้เป็นผู้พยาบาท มีใจอันพยาบาทกลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความ
กลุ้มรุมแห่งพยาบาทนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศ
แล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีถีนมิทธะ มีใจอันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก
ก็ความกลุ้มรุมแห่งถีนมิทธะนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคต
ประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีจิตฟุ้งซ่าน มีใจอันความฟุ้งซ่านกลุ้มรุม
อยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งความฟุ้งซ่านนี้ เป็นความเสื่อมใน
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีความสงสัย มีใจอัน
ความสงสัยกลุ้มรุมอยู่เป็นส่วนมาก ก็ความกลุ้มรุมแห่งความสงสัยนี้ เป็น
ความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบการ
งาน ยินดีในการงาน ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ชอบการงาน
ก็ความเป็นผู้ชอบการงานนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคต
ประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบในการคุย ผู้ยินดีในการคุย ประกอบ
เนือง ๆซึ่งความเป็นผู้ชอบคุย ก็ความเป็นผู้ชอบคุยนี้ เป็นความเสื่อม
ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบการนอนหลับ
ยินดีในการนอนหลับ ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ชอบนอนหลับ
ก็ความเป็นผู้ชอบนอนหลับนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคต
ประกาศแล้ว ท่านเป็นผู้ชอบความเป็นผู้คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ยินดีใน
ความเป็นผู้คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ชอบ
คลุกลีด้วยหมู่คณะ ก็ความเป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะนี้ เป็นความ
เสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีสติหลงลืม

ถึงความทอดธุระในระหว่างคุณวิเศษเบื้องบน ด้วยการบรรลุคุณวิเศษ
เบื้องต่ำ ก็ความทอดธุระในระหว่างนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่
พระตถาคตประกาศแล้ว ดูก่อนท่านมีอายุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอไม่ละ
ธรรม 10 ประการนี้แล้ว จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้
ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอละ
ธรรม 10 ประการนี้แล้ว จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรม
วินัยนี้ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่มีได้.
จบอัญญสูตรที่ 6

อรรถกถาอัญญสูตรที่ 6


อัญญสูตรที่ 6

พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อธิมานิโก ได้แก่ ประกอบด้วยความสำคัญว่าบรรลุแล้ว
ในธรรมที่ยังไม่บรรลุ. บทว่า อธิมานสจฺโจ ได้แก่ สำคัญว่าบรรลุแล้ว
จึงกล่าวโดยสัจจะ.
จบอรรถกถาอัญญสูตรที่ 6

7. อธิกรณสูตร


ว่าด้วยภิกษุประกอบด้วยธรรม 10 ประการ ย่อมไม่เป็น


อันหนึ่งอันเดียวกัน


[87] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภพระกาฬกภิกขุ
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุ