เมนู

เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยภาภูตญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะมีอยู่ นิพพิทา-
วิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยถาภูตญาณทัสสนะ
เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ ดูก่อนท่านผู้มีอายุเปรียบเหมือนต้นไม้
มีกิ่งและใบสมบูรณ์แล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้ ย่อมถึงความบริบูรณ์
แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมถึงความบริบูรณ์
แม้ฉันใด ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปปฏิสารมีเหตุอันสมบูรณ์ ก็
ย่อมมีแก่บุคคลผู้มีศีลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล เมื่ออวิปปฏิสารมีอยู่ ปราโมทย์
ชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปปฏิสาร ฯลฯ
เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ ฉันนั้นเหมือนกันแล.
จบอานันทสูตรที่ 5

อรรถกถาอุปนิสาสูตร1ที่ 4 อานันทสูตรที่ 5


ในอุปนิสาสูตรที่ 4 และอานันทสูตรที่ 5 ต่างกันตรงที่ถ้อยคำ
อันพระเถระทั้งสอง [คือพระสารีบุตรและพระอานนท์] กล่าวไว้.

6. สมาธิสูตร1


ว่าด้วยไม่พึงสำคัญปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นต้น


[6] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง
ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

1. สูตรที่ 6-7-8 ไม่มีอรรถกถาอธิบาย.