เมนู

สมบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ไม่บำเพ็ญสัมมาทิฏฐิให้สมบูรณ์แล้ว จัก
บำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ไม่บำเพ็ญสัมมา-
สมาธิให้สมบูรณ์แล้ว จักละสังโยชน์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ไม่ละ
สังโยชน์แล้ว จักกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ยินดีในการ
คลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ประกอบความยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ชอบคณะ
ไม่ยินดีคณะ ไม่ประกอบความยินดีคณะ จักเป็นผู้อยู่รูปเดียว ยินดียิ่งในวิเวก
ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อเป็นผู้อยู่รูปเดียว ยินดียิ่งในวิเวก จักถือนิมิต
แห่งจิต ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อถือนิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฏฐิ
ให้สมบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้ บำเพ็ญสัมมาทิฏฐิให้สมบูรณ์แล้ว
จักบำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้ บำเพ็ญสัมมา-
สมาธิให้สมบูรณ์แล้ว จักละสังโยชน์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้ ละสังโยชน์
ได้แล้ว จักกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้.
จบฐานสูตรที่ 4

อรรถกถาฐานสูตรหรืออารามสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในฐานสูตรหรืออารามสูตรที่ 4 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สงฺคณิการาโม ความว่า รื่นเริงใจด้วยการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
ส่วนภิกษุชื่อว่า คณารามะ เพราะยินดีในคณะ มีคณะศึกษาพระสูตรเป็นต้น
หรือในคณะ กล่าวคือบริษัทของตน. บทว่า ปวิเวเก ได้แก่ กายวิเวก.
บทว่า จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ ความว่า นิมิตของสมาธิจิต และวิปัสสนาจิต

คืออาการของสมาธิและวิปัสสนา. บทว่า สมฺมาทิฏฺฐึ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิใน
วิปัสสนา. บทว่า สมาธึ ได้แก่ มรรคสมาธิ และผลสมาธิ. บทว่า สํโยชนานิ
ได้แก่ สังโยชน์ 10 อย่าง. บทว่า นิพฺพานํ ได้แก่ ปรินิพพานที่หาปัจจัย
มิได้.
จบอรรถกถาฐานสูตรหรืออารามสูตรที่

5. เทวตาสูตร


ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้เสื่อมและไม่ให้เสื่อม


[340] ครั้งนั้น เทวดาองค์หนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไป มีรัศมีงาม
ยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบ
ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 6 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความ
ไม่เสื่อมแก่ภิกษุ 6 ประการเป็นไฉน ? คือ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา 1
ความเป็นผู้เคารพในพระธรรม 1 ความเป็นผู้เคารพในพระสงฆ์ 1 ความเป็น
ผู้เคารพในสิกขา 1 ความเป็นผู้ว่าง่าย 1 ความเป็นผู้มีมิตรดี 1 ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ธรรม 6 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ เทวดา
องค์นั้นกล่าวดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ครั้งนั้น เทวดาองค์นั้น
ได้ทราบว่า พระศาสดาได้ทรงพอพระทัยตนแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า กระทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้น.
ครั้นเมื่อราตรีนั้นล่วงไป พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เทวดาองค์หนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไป