เมนู

อรรถกถาอุคคหสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอุคคหสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ภทฺทิเก แปลว่า ใกล้ภัททิกนคร.* บทว่า ชาติยาวเน
ได้แก่ ในป่าชัฏที่เกิดขึ้นเองเขามิได้ปลูกแล้ว เป็นอันเดียวกันกับป่าหิมพานต์.
อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าไปอาศัยนครนั้น ประทับอยู่ในป่านั้น.
บทว่า อตฺตจตุตฺโถ ได้แก่ มีพระองค์เป็นที่ 4.
ถามว่า ก็เพราะเหตุไร อุคคหเศรษฐีหลานชายเมณฑกเศรษฐีนั้น
จึงนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้า มีพระองค์เป็นที่ 4 มีภิกษุไปด้วย 3 รูป เล่า ?
ตอบว่า ได้ยินว่า ในเรือนของท่านเศรษฐีนั้น ได้มีงานมงคลใหญ่ ด้วยการ
จัดงานใหญ่ ผู้คนเป็นอันมากก็มาชุมนุมกันในเรือนนั้น ท่านคิดว่า ผู้อังคาส
เลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์ คงจักสงเคราะห์ยึดใจผู้คนเหล่านั้นได้ยาก จึงนิมนต์
พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระองค์เป็นที่ 4 เท่านั้น. อีกอย่างหนึ่ง ท่านมีความดำริ
อย่างนี้ว่า เมื่อพระศาสดาทรงโอวาทอยู่กลางภิกษุหมู่ใหญ่ สาวรุ่นทั้งหลาย
มัวแต่ดูเสีย ก็ไม่สามารถจะรับเอาพระโอวาทได้. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ท่าน
จึงนิมนต์เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระองค์เป็นที่ 4 เท่านั้น.
บทว่า โอวทตุ ตาสํ ภนฺเต ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอ
พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดโอวาท คือ สั่งสอนสาวรุ่นเหล่านั้น. ที่จริง คำว่า
ตาสํ เป็นฉัฏฐีวิภัติ ใช้ในอรรถแห่งทุติยาวิภัติ. บทว่า ยํ ตาสํ ได้แก่
โอวาทานุศาสน์สำหรับสาวรุ่นเหล่านั้น. ก็แลท่านเศรษฐีนั้น ครั้นกราบทูล
แล้วอย่างนี้ คิดว่า สาวรุ่นเหล่านี้เมื่อได้รับโอวาทในสำนักของเรา พึงให้นำ
ไปสกุลสามี ดังนี้ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็หลีกไป.
* บาลีเป็น ภัททิยนคร