เมนู

4. มหาจุนสูตร


ว่าด้วยข้อควรศึกษาของผู้เจริญฌานและประกอบธรรม


[317] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหาจุนทะอยู่ที่นิคมชื่อสัญชาติในแคว้น
เจดี ครั้งนั้น ท่านพระมหาจุนทะเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระมหาจุนทะแล้ว ท่านพระมหาจุนทะได้
กล่าวดังนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบธรรมในธรรมวินัยนี้
ย่อมรุกรานภิกษุผู้เพ่งฌานว่า ภิกษุผู้เพ่งฌานเหล่านี้ ย่อมเพ่งฌาน ยึดหน่วง
ฌานว่า เราเพ่งฌาน ๆ ดังนี้ ภิกษุเหล่านี้ เพ่งฌานทำไม เพ่งฌานเพื่ออะไร
เพ่งฌานเพราะเหตุไร ภิกษุผู้ประกอบธรรมย่อมไม่เลื่อมใสในการเพ่งฌานนั้น
และภิกษุผู้เพ่งฌานย่อมไม่เลื่อมใสในการประกอบธรรมนั้น ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุผู้เพ่งฌานในธรรมวินัยนี้ ย่อม
รุกรานพวกภิกษุผู้ประกอบธรรมว่า ก็ภิกษุผู้ประกอบธรรมเหล่านี้ ย่อมเป็น
ผู้ฟุ้งเฟ้อ เย่อหยิ่ง วางท่า ปากจัด พูดพล่าม มีสติหลงใหล ไม่มีสัมปชัญญะ
มิใจไม่ตั้งมั่น มิจิตฟุ้งซ่าน มีอินทรีย์ปรากฏว่า เราประกอบธรรม ๆ ดังนี้
ก็ภิกษุเหล่านี้ประกอบธรรมทำไม ประกอบธรรมเพื่ออะไร ประกอบธรรม
เพราะเหตุไร ภิกษุผู้เพ่งฌานย่อมไม่เลื่อมใสในการประกอบธรรมนั้น และ
ภิกษุผู้ประกอบธรรมย่อมไม่เลื่อมใสในการเพ่งฌานนั้น ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อประ-
โยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก. . .

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุผู้ประกอบธรรมในธรรมวินัยนี้
ย่อมสรรเสริญภิกษุผู้ประกอบธรรมเท่านั้น ไม่สรรเสริญภิกษุผู้เพ่งฌาน ภิกษุ
ผู้ประกอบธรรมย่อมไม่เลื่อมใสในการเพ่งฌานนั้น และภิกษุผู้เพ่งฌานย่อมไม่
เลื่อมใสในการประกอบธรรมนั้น ทั้งไม่เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่
ชนหมู่มาก. . .
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุผู้เพ่งฌานในธรรมวินัยนี้ ย่อม
สรรเสริญภิกษุผู้เพ่งฌานเท่านั้น ไม่สรรเสริญภิกษุผู้ประกอบธรรม ภิกษุผู้
เพ่งฌานย่อมไม่เลื่อมใสในการประกอบธรรมนั้น และภิกษุผู้ประกอบธรรม
ย่อมไม่เลื่อมใสในการเพ่งฌานนั้น ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชน
หมู่มาก เพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก
เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย.
เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลาย
เป็นผู้ประกอบธรรม จักสรรเสริญภิกษุผู้เพ่งฌาน ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า บุคคลผู้ที่
ถูกต้องอมตธาตุด้วยกาย เป็นอัจฉริยบุคคล หาได้ยากในโลก.
เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลาย
เป็นผู้เพ่งฌาน จักสรรเสริญภิกษุผู้ประกอบธรรม ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า บุคคลผู้ที่
แทงทะลุ เห็นข้ออรรถอันลึกซึ้งด้วยปัญญานั้น เป็นอัจฉริยบุคคล หาได้ยาก
ในโลก.
จบมหาจุนทสูตรที่ 4

อรรถกถามหาจุนทสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในมหาจุนทสูตรที่ 4 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เจตีสุ ได้แก่ ในเจติรัฐ. บทว่า สญฺชาติยํ ได้แก่
ในนิคมที่มีชื่ออย่างนี้. บทว่า มหาจุนฺโท ได้แก่ พระน้องชายคนเล็กของ
พระธรรมเสนาบดี.
ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่า ธัมมโยคะ เพราะมีการประกอบ คือ การทำ
เนือง ๆ ในธรรม. คำว่า ธมฺมโยคา นั่นเป็นชื่อของพระธรรมกถึกทั้งหลาย.
ภิกษุชื่อว่า ฌายี เพราะเพ่ง.
บทว่า อปสาเทนฺติ ได้แก่ กระทบกระทั่ง คือ รุกราน. บทว่า
ฌายนฺติ ได้แก่ คิด. บทว่า ปชฺฌายนฺติ เป็นต้น ขยาย (รูป) ออกไป
ด้วยอำนาจอุปสรรค. บทว่า กิญฺหิเม ฌายนฺติ ความว่า ภิกษุธรรมกถึก
เหล่านี้เพ่งอยู่อย่างไร.
บทว่า กินฺติเม ฌายนฺติ ความว่า ภิกษุธรรมกถึกเหล่านี้ เข้าฌาน
เพื่ออะไร ? บทว่า กถญฺหิเม ฌายนฺติ ความว่า ภิกษุธรรมกถึกเหล่านี้
เข้าฌาน เพราะเหตุไร ?
บทว่า อมตํ ธาตุํ กาเยน ผุสิตฺวา วิหรนฺติ เป็นต้น มีความว่า
ภิกษุทั้งหลายกำหนดกรรมฐานมุ่งถึงนิพพานธาตุที่เว้นจากมรณะอยู่ คือ ถูกต้อง
นิพพานธาตุนั้นด้วยนามกายตามลำดับอยู่.
บทว่า คมฺภีรอตฺถปทํ ได้แก่ ความหมายของขันธ์ ธาตุ อายตนะ
เป็นต้น ที่ลี้ลับ คือ ถูก (อวิชชา) ปกปิดไว้. บทว่า ปญฺญาย อติวิชฺฌ
ปสฺสนฺติ
ความว่า เห็นโดยแทงตลอดด้วยมรรคปัญญาพร้อมทั้งวิปัสสนาปัญญา.
แต่ในที่นี้ ย่อมควรทั้งปัญญาเครื่องแทงตลอดด้วยการพิจารณา ทั้ง
ปัญญาในการเรียนและการสอบถาม.
จบอรรถกถามหาจุนทสูตรที่ 4