เมนู

6. กัจจานสูตร


ว่าด้วยอนุสติสำหรับพระอริยสาวก


[297] ณ ที่นั้นแล ท่านพระมหากัจจานะ เรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระมหากัจจานะแล้ว
ท่านพระมหากัจจานะได้กล่าวดังนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมาแล้ว คือ ข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้รู้ผู้เห็น เป็น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงโอกาสได้ในที่คับแคบ เพื่อความบริสุทธิ์
แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงโสกปริเทวะ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อ
บรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน การถึงโอกาสนี้ คือ อนุสติ
6 ประการ 6 ประการเป็นไฉน ?
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมระลึกถึง
พระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ
เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สมัยใด
อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระตถาคต สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น เป็นจิต
ไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม เป็นจิตดำเนิน
ไปตรงทีเคียว เป็นจิตออกไป พ้นไป หลุดไบ่จากความอยาก ดูก่อนท่าน
ผู้มีอายุทั้งหลาย คำว่าความอยากนี้ เป็นชื่อของเบญจกามคุณ อริยสาวกนั้นแล
ย่อมมีใจเสมอด้วยอากาศ ไพบูลย์เป็นมหรคต หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร
ไม่มีความเบียดเบียน โดยประการทั้งปวงอยู่ สัตว์บางพวกในโลกนี้ ทำพุทธา-
นุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความบริสุทธิ์เป็นธรรมดา ด้วยประการ
ฉะนี้.

อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระธรรมว่า พระธรรมอัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ดูก่อน
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระธรรม สมัยนั้น
จิตของอริยสาวกนั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม. . . สัตว์บางพวกในโลกนี้
ทำธัมมานุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความบริสุทธิ์เป็นธรรมดา
ด้วยประการฉะนี้.
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวก
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญ
อื่นยิ่งกว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกระลึกถึงพระสงฆ์
สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม. . . สัตว์บางพวกใน
โลกนี้ ทำสังฆานุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความบริสุทธิ์เป็นธรรมดา
ด้วยประการฉะนี้.
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงศีลของตน อันไม่ขาด ฯลฯ
เป็นไปเพื่อสมาธิ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย. สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึง
ศีล สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ฯลฯ สัตว์
บางพวกในโลกนี้ ทำสีลานุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความบริสุทธิ์
เป็นธรรมดา ด้วยประการฉะนี้.
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงจาคะของตนว่า เป็นลาภ
ของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ ฯลฯ ยินดีในการจำแนกทาน ดูก่อนท่านผู้มี
อายุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงจาคะ สมัยนั้น จิตของอริยสาวก
นั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ฯลฯ สัตว์บางพวกในโลกนี้ ทำจาคานุสติ
แม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความบริสุทธิ์เป็นธรรมดา ด้วยประการฉะนี้.

อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงเทวดาว่า เทวดาเหล่าจาตุ-
มหาราชมีอยู่ ฯลฯ เทวดาที่สูงกว่านั้นมีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วย
ศรัทธาเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดาชั้นนั้น ศรัทธาเช่นนั้นแม้
ของเราก็มีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยศีลเช่นใด ฯลฯ สุตะ จาคะ
ด้วยปัญญาเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดาชั้นนั้น ปัญญาเช่นนั้น
แม้ของเราก็มีอยู่ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึง
ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา ของคนและของเทวดาเหล่านั้น สมัยนั้น
จิตของอริยสาวกนั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูก
โมหะกลุ้มรุม เป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว เป็นจิตออกไป พ้นไป หลุดไป
จากความอยาก ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย คำว่าความอยากนี้ เป็นชื่อของ
เบญจกามคุณ อริยสาวกผู้นั้นแล ย่อมมีใจเสมอด้วยอากาศ ไพบูลย์ เป็น
มหรคต ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน โดยประการทั้งปวงอยู่
สัตว์บางพวกในโลกนี้ ทำเทวตานุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมเป็นผู้มีความ
บริสุทธิ์เป็นธรรมดา ด้วยประการฉะนี้.
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว คือ ข้อที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงรู้ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ-
เจ้า ได้ตรัสรู้การถึงโอกาสได้ ในที่คับแคบ เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย
เพื่อก้าวล่วงโสกปริเทวะ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อ
ทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน การถึงโอกาสนี้ คือ อนุสติ 6 ประการนี้แล.
จบกัจจานสูตรที่ 6

อรรถกถากัจจานสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในกัจจานสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺพาเธ ความว่า ในที่ ๆ แออัดไปด้วยกามคุณทั้ง 5.
อนุสติ 6 ท่านเรียกว่า โอกาส ในบทว่า โอกาสาธิคโม นี้. การบรรลุ
เหตุแห่งอนุสติ 6 เหล่านั้น. บทว่า วิสุทฺธิยา ความว่า เพื่อประโยชน์
แก่ความบริสุทธิ์. บทว่า โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ความว่า เพื่อ
ประโยชน์แก่การก้าวล่วง ซึ่งความเศร้าโศก และความรำพัน. บทว่า
อตฺถงฺคมาย ความว่า เพื่อถึงความดับสูญ. บทว่า ญายสฺส อธิคมาย
ความว่า เพื่อประโยชน์แก่การบรรลุมรรค พร้อมด้วยวิปัสสนาเบื้องต้น.
บทว่า นิพฺพานาย สจฺฉิกิริยาย ความว่า เพื่อประโยชน์แก่การทำให้
ประจักษ์ ซึ่งพระปรินิพพาน อันหาปัจจัยมิได้.
บทว่า สพฺพโส ได้แก่ โดยอาการทั้งปวง. บทว่า อากาสสเมน
ความว่า เช่นกับด้วยอากาศ เพราะหมายความว่า ไม่ติดขัด และเพราะ
หมายความว่า ไม่มีความกังวล.
บทว่า วิปุเลน ความว่า ไม่ใช่นิดหน่อย. บทว่า มหคฺคเตน
ความว่า ถึงความเป็นของใหญ่ อีกอย่างหนึ่ง อธิบายว่า ถึง คือ ดำเนิน
ไปกับด้วยพระอริยสาวกผู้ใหญ่.
บทว่า อปฺปมาเณน ความว่า ชื่อว่า หาประมาณมิได้ เพราะว่า
จิตนั้นมีการแผ่ไปหาประมาณมิได้. บทว่า อเวเรน ความว่า เว้นจากอกุศล-
ธรรมที่เป็นเวร และบุคคลผู้เป็นเวร. บทว่า อพฺยาปชฺเฌน ความว่า
เว้นจากทุกข์อันเกิดจากความโกรธ.