เมนู

มีใจความดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล. ผู้ปกครองรัฐ ชื่อว่า รฏฺฐิโก.
ผู้ปกครองรัฐ ต่อเนื่องจากที่มารดาบิดาปกครอง ชื่อว่า เปตฺตณิโก. ผู้เป็น
หัวหน้าแห่งเสนา (แม่ทัพ) ชื่อว่า เสนาปติกะ. ผู้ปกครองหมู่บ้าน ชื่อว่า
คามคามณิโก. ผู้เป็นหัวหน้าหมู่ ชื่อว่า ปูคคามณิโก.
บทว่า อวิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ ความว่า เป็นผู้ไม่แสวงหา
คือไม่แสวงหากุศลธรรมทั้งหลาย. บทว่า โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ได้แก่
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ.
จบอรรถกถากุสลสูตรที่ 7

8. มัจฉสูตร


ว่าด้วยโทษของการฆ่าสัตว์


[289] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำเนินไปตามหนทางไกล
ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ ณ ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
ได้เสด็จแวะลงจากทาง แล้วประทับนั่งลงบนอาสนะที่ได้ปูลาดไว้ ณ โคนต้นไม้
แห่งหนึ่ง แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
เห็นชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ที่แห่งโน้นหรือ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
เห็น พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
เธอทั้งหลายได้เห็นหรือได้ฟังมาบ้างไหมว่า ชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่

ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติ
เป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง
มาว่า ชาวประมงผูกปลา ฆ่าปลาขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็น
เจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น
เพราะอาชีพนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขาย่อมเพ่งดูปลาเหล่านั้นที่พึง
ฆ่า ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ
ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของโภคะ ไม่ได้ครอบครองโภคสมบัติเป็นอันมาก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลาย
ได้เห็นหรือได้ฟังมาบ้างไหมว่า คนฆ่าโค ฆ่าโคขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า
ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่
เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง
มาว่า คนฆ่าโค ฆ่าโคขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของ
โภคะ หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะ
อาชีพนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขาย่อมเพ่งดูโคเหล่านั้นที่พึงฆ่า
ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ
ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของโภคะ ไม่ได้ครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลาย
ได้เห็นหรือได้ฟังมาบ้างไหมว่า คนฆ่าแพะ ฯลฯ คนฆ่าสุกร พรานนก

พรานเนื้อ ฆ่าเนื้อขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขึ้นยาน เป็นเข้าของโภคะ
หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ฟังมาว่า
พรานเนื้อ ฆ่าเนื้อขายอยู่ ย่อมขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน เป็นเจ้าของโภคะ
หรือครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ เพราะกรรมนั้น เพราะอาชีพนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าเขาย่อมเพ่งดูเนื้อเหล่านั้นที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อฆ่า
ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน ไม่ได้เป็น
เจ้าของโภคะ ไม่ได้ครอบครองกองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ ก็เขาย่อมเพ่งดูสัตว์
ดิรัจฉานเหล่านั้นที่พึงฆ่า ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาป ฉะนั้น เขาจึง
ไม่ได้ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ขึ้นยาน ไม่ได้เป็นเจ้าของโภคะ หรือครอบครอง
กองโภคสมบัติเป็นอันมากอยู่ จะกล่าวอะไร ถึงบุคคลผู้เพ่งดูมนุษย์ที่พึงฆ่า
ที่นำมาเพื่อฆ่า ด้วยใจที่เป็นบาปเล่า เพราะผลข้อนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่
ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาลนานแก่เขา เมื่อตายไปแล้วย่อม
เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯลฯ
จบมัจฉสูตรที่ 8

อรรถกถามัจฉสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในมัจฉสูตรที่ 8 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า มจฺฉิกํ ได้แก่ ผู้ฆ่าปลา. บุคคลชื่อว่า หตฺถียายี เพราะ
ไปด้วยช้าง. แม้ศัพท์ต่อไปข้างหน้า ก็มีนัยนี้. บทว่า วชฺเฌ แปลว่า
ที่จะต้องฆ่า. บทว่า วธายานีเต ความว่า สัตว์ที่เขานำไปเพื่อฆ่า. บทว่า