เมนู

เป็นไข้แล้วหาย. บทว่า ยาวตา ได้แก่ หมู่ของผู้บำเพ็ญเพียร. บทว่า ตาสํ
อญฺญตรา
ได้แก่ เป็นคนหนึ่งในระหว่างสาวิกาเหล่านั้น. บทว่า อนุกมฺปิกา
ได้แก่ ผู้อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูล. บทว่า โอวาทิกา ได้แก่ ผู้ให้โอวาท.
บทว่า อนุสาสิกา ได้แก่ ผู้ให้การพร่ำสอน.
จบอรรถกถานกุลสูตรที่ 6

7. กุสลสูตร


ว่าด้วยโทษของการเห็นแก่หลับนอน


[288] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร-
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไปยังศาลาที่เร้นใน
ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้แล้ว แม้ท่านพระสารีบุตรที่ออกจากที่เร้นใน
เวลาเย็นเข้าไปยังศาลาที่บำรุง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แม้ท่านพระมหาโมคคัลลานะ แม้ท่านพระมหากัสสปะ
แม้ท่านพระมหากัจจายนะ แม้ท่านพระมหาโกฏฐิกะ แม้ท่านพระมหาจุนทะ
แม้ท่านพระมหากัปปินะ แม้ท่านพระมหาโกฏฐิกะ แม้ท่านพระมหาจุนทะ
พระอานนท์ ก็ออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เข้าไปยังศาลาที่บำรุง ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้งนั้น พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงยับยั้งอยู่ด้วยการประทับนั่งสิ้นราตรีเป็นอันมาก แล้วทรงลุกจาก
อาสนะเสด็จเข้าไปยังพระวิหาร แม้ท่านเหล่านั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า

เสด็จไปไม่นาน ต่างก็ลุกจากอาสนะได้ไปยังวิหารของตน ๆ แต่พวกภิกษุใหม่
บวชไม่นาน มาสู่ธรรมวินัยนี้ไม่นานต่างก็นอนหลับกัดฟันอยู่ ณ ศาลาที่บำรุง
นั้นจนพระอาทิตย์ขึ้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นภิกษุเหล่านั้น ซึ่งต่างก็
นอนหลับกัดฟันอยู่จนพระอาทิตย์ขึ้น ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของ
มนุษย์ แล้วเสด็จเข้าไปยังศาลาที่บำรุง ประทับนั่งบนอาสนะที่ได้ปูลาดไว้แล้ว
ตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสารีบุตรไปไหน พระ-
โมคคัลลานะไปไหน พระมหากัสสปะไปไหน พระมหากัจจานะไปไหน
พระมหาโกฏฐิกะไปไหน พระมหาจุนทะไปไหน พระมหากัปปินะไปไหน
พระอนุรุทธะไปไหน พระเรวตะไปไหน พระอานนท์ไปไหน พระสาวก
ชั้นเถระเหล่านั้นไปไหน ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ท่านเหล่านั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปไม่นาน ต่างก็ลุกจากอาสนะแล้ว
ได้ไปยังวิหารของตน ๆ.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเป็นพระเถระหรือหนอ เธอ
ทั้งหลายเป็นภิกษุใหม่นอนหลับกัดฟันอยู่จนพระอาทิตย์ขึ้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลายได้เห็นหรือได้ฟัง
มาบ้างไหมว่า พระราชาผู้กษัตริย์ได้รับมูรธาภิกเษกแล้ว ทรงประกอบการ
นอนสบาย เอนข้างสบาย บรรทมหลับสบาย ตามพระประสงค์อยู่ เสวยราช-
สมบัติอยู่ตลอดพระชนม์ ย่อมเป็นที่รักเป็นที่พอใจของชาวชนบท.
ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า หามิได้พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง
มาแล้วว่า พระราชาผู้กษัตริย์ได้รับมูรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบการนอนสบาย
เอนข้างสบาย บรรทมหลับสบาย ตามพระประสงค์ เสวยราชสมบัติอยู่ตลอด

พระชนม์ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจของชาวชนบท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลายได้เห็นหรือได้ฟัง
มาบ้างไหมว่า ท่านผู้ครองรัฐ ท่านผู้เป็นทายาทแห่งตระกูล ท่านผู้เป็นเสนาบดี
ท่านผู้ปกครองบ้าน ท่านผู้ปกครองหมู่คณะ ประกอบการนอนสบาย เอนข้าง
สบาย นอนหลับสบาย ตามประสงค์ ปกครองหมู่คณะอยู่ตลอดชีวิต ย่อม
เป็นที่รัก เป็นที่พอใจของหมู่คณะ.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง
มาแล้วว่า ท่านผู้ปกครองหมู่คณะ ประกอบการนอนสบาย เอนข้างสบาย
นอนหลับสบาย ตามประสงค์ ปกครองหมู่คณะอยู่ตลอดชีวิต ย่อมเป็นที่รัก
เป็นที่พอใจของหมู่คณะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น
เป็นไฉน เธอทั้งหลายได้เห็นหรือได้ฟังมาบ้างไหมว่า สมณะหรือพราหมณ์
ประกอบการนอนสบาย เอนข้างสบาย นอนหลับสบาย ตามประสงค์ ไม่คุ้ม-
ครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้ประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียร
ไม่เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรม ทั้ง
เบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งวันคืน แล้วกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญา-
วิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.
ภิ. หามิได้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดีละ ข้อนั้นแม้เราก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง
มาแล้วว่า สมณะหรือพราหมณ์ ประกอบการนอนสบาย เอนข้างสบาย
นอนหลับสบาย ตามประสงค์ ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้

ประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียร ไม่เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย
ไม่ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรม ทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งวันคืน
แล้วกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ
ทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้
คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย จักเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ จักเป็นผู้
ประกอบความเพียร จักเป็นผู้เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย จักประกอบการ
เจริญโพธิปักขิยธรรม ทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งวันคืออยู่ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.
จบกุสลสูตรที่ 7

อรรถกถากุสลสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในกุสลสูตรที่ 7 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต ความว่า ออกจากวิหารธรรม คือ
ผลสมาบัติ ที่ทนต่อการเพ่งธรรม เพื่อความเป็นผู้ ๆ เดียว. บทว่า ยถาวิหารํ
ได้แก่ วิหารอันเป็นที่อยู่ของตน ๆ. บทว่า นวา ได้แก่ ยังใหม่ต่อบรรพชา.
ภิกษุเหล่านั้นมีประมาณ 500 รูป.
บทว่า กากจฺฉมานา ได้แก่ การทำเสียงกรอด ๆ (คือนอนกัดฟัน).
บทว่า เถรา ได้แก่ ภิกษุผู้ถึงความเป็นผู้มั่นคง. บทว่า เตน โน แปลว่า
เธอทั้งหลายเป็นพระเถระได้อย่างไรหนอ.1 บทว่า เสยฺยสุขา เป็นต้น
1. ปาฐะว่า เตน นุ ฉะบับใบลาน เป็น เก นุ โข แปลตามใบลาน.