เมนู

อรรถกถาพระสูตรที่มิได้รวมเข้าในวรรค


พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 1 (บาลีข้อ 251) วรรคที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปสมฺปาเทตพฺพํ ได้แก่ เป็นอุปัชฌาย์ ควรให้อุปสมบท.
สูตรที่ 2 (บาลีข้อ 252) พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า นิสฺสโย ทาตพฺโพ ได้แก่ เป็นอาจารย์พึงให้นิสัยได้.
สูตรที่ 3 (บาลีข้อ 253) พึงทราบวินิจฉัยต่อไปนี้.
บทว่า สามเณโร อุปฏฺฐาเปตพฺโพ ได้แก่ เป็นอุปัชฌาย์พึงให้
สามเณรอุปัฏฐากได้. สามสูตรนี้ตรัสโดยหมายถึงพระขีณาสพในปฐมโพธิกาล
เท่านั้น ด้วยประการฉะนี้.
สูตรที่ 4 เป็นต้น มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น โดยพรรณนาตามลำดับ
บท. เรื่องวินิจฉัยภัตตุทเทสก์เป็นต้น พึงทราบโดยนัยนี้ ท่านกล่าวไว้แล้วใน
อรรถกถาพระวินัย ชื่อสมันตปาสาทิกาแล.
[261] บทว่า สมฺมโต น เปเสตพฺโพ ได้แก่ ภิกษุได้รับ
สมมติตามปกติ ก็ไม่ควรส่งไปด้วยคำสั่งว่า ท่านจงไป จงแสดงภัตทั้งหลาย
ดังนี้. บทว่า สาฏิยคฺคาหาปโก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ผู้แจกจ่ายผ้าอาบน้ำฝน.
บทว่า ปตฺตคฺคาหาปโก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ผู้แจกบาตรที่ท่านกล่าวไว้ในข้อ
นี้ว่า บาตรใดเป็นบาตรสุดท้ายของภิกษุบริษัทนั้น บาตรนั้นควรให้ถึงแก่
ภิกษุนั้น.
* ในบาลีไม่ได้จัดเป็นสูตร อรรถกถาแก้ตั้งแต่ข้อ 251 ถึงข้อ 271

[265] บทว่า อาชีวโก ได้แก่ นักบวชเปลือย.
[266] บทว่า นิคฺคณฺโฐ ได้แก่ ปิดกายท่อนบน. บทว่า มุณฺฑ-
สาวโก
ได้แก่ สาวกของนิครนถ์. บทว่า ชฏิลโก คือ ดาบส. บทว่า
ปริพฺพาชโก คือ ปริพาชกผู้นุ่งห่มผ้า. แม้นักบวชมีมาคัณฑิกะเป็นต้น
ก็จัดเป็นเดียรถีย์เหมือนกัน. ส่วนสุกกปักข์ มิได้ถือเอา เพราะนักบวช
เหล่านั้น ไม่มีการทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย. บทที่เหลือในที่ทุกแห่งง่าย
ทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ชื่อมโนรถปูรณี

ฉักกนิบาต ปฐมปัณณาสก์


อาหุเนยยวรรคที่ 1


1. ปฐมอาหุเนยยสูตร


ว่าด้วยคุณธรรมของภิกษุผู้เป็นนาบุญ


[272] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุประกอบด้วยธรรม 6 ประการ ย่อมเป็นผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ
ควรของทำบุญ ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
ธรรม 6 ประการเป็นไฉน ? คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ
มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ ฟังเสียงด้วยหู. . . สูดกลิ่นด้วยจมูก. . .
ลิ้มรสด้วยลิ้น. . .ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย. . . รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว
ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ประกอบด้วยธรรม 6 ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ
ควรของทำบุญ ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นดีใจ
ชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
จบปฐมอาหุเนยยสูตรที่ 1