เมนู

9. อักขมสูตร


ว่าด้วยลักษณะของช้างต้นและของภิกษุ


[139] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาประกอบด้วยองค์ 5
ประการ ไม่ควรแก่พระราชา ไม่ควรเป็นช้างทรง ไม่ถึงการนับว่าเป็นพระ
ราชพาหนะ องค์ 5 ประการเป็นไฉน คือ ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่
อดทนต่อรูป 1 ไม่อดทนต่อเสียง 1 ไม่อดทนต่อกลิ่น 1 ไม่อดทนต่อ
รส 1 ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะ 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรูปอย่าง
ไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว เห็นกองพลช้าง กองพลม้า
กองพลรถ หรือกองพลเดินเท้า ย่อมหยุดนิ่งสะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้า
สนามรบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรูปอย่าง
นี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อเสียงอย่างไร คือ ช้างของพระ
ราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ได้ยินเสียงกองพลช้าง เสียงกองพลม้า เสียงกองพลรถ
เสียงกองพลเดินเท้า หรือเสียงกลอง บัณเฑาะว์ สังข์ มโหระทึกย่อมหยุดนิ่ง
สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชา
เป็นสัตว์ไม่อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อ
กลิ่นอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ได้กลิ่นมูตรและคูถ
แห่งช้างของพระราชา (ฝ่ายข้าศึก) ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเข้าสนามรบทั้งหลาย ย่อม
หยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของ
พระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่
อดทนต่อรสอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ไม่ได้กินอาหาร

เพียงคืนหนึ่ง 2 คืน 3 คืน 8 คืน หรือ 5 คืน ย่อมหยุดนิ่ง
สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนานรบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายช้างของพระราชา
เป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรสอย่างนี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อ
โผฏฐัพพะอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสงครามแล้ว ถูกเขายิงด้วยลูก
ศรครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง หรือ 5 ครั้งเข้าแล้ว ย่อมหยุดนิ่ง
สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชา
เป็นสัตว์ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 5 ประการ ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ย่อมเป็นผู้ไม่ควรแก่ของคำนับ ไม่ควรแก่ของต้อนรับ ไม่ควร
แก่ของทำบุญ ไม่ควรแก่การกระทำอัญชลี ไม่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญ
อื่นยิ่งกว่า ธรรม 5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่
อดทนต่อรูป 1 ไม่อดทนต่อเสียง 1 ไม่อดทนต่อกลิ่น 1 ไม่อดทนต่อ
รส 1 ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะ 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปอย่างไร คือ ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมกำหนัดในรูปที่ชวนให้กำหนัด
ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปอย่าง
นี้แล ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อเสียงอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ฟังเสียง
ด้วยหูแล้ว ย่อมกำหนัดในเสียงที่ชวนให้กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่
อดทนต่อกลิ่นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สูดกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ย่อม
กำหนัดในกลิ่นที่ชวนให้กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรส
อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ย่อมกำหนัดในรสที่ชวนให้

กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อด
ทนต่อรสอย่างนี้แล ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างไร คือ ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ถูกโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ย่อมกำหนัดในโผฏฐัพพะที่ชวนให้
กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อด
ทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุประกอบด้วยธรรม 5
ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ไม่ควรแก่ของคำนับ ไม่ควรแก่ของต้อนรับ ไม่ควร
แก่ของทำบุญ ไม่ควรแก่การกระทำอัญชลี ไม่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนา
บุญอื่นยิ่งกว่า.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชา ประกอบด้วยองค์ 5 ประการ
เป็นช้างควรแก่พระราชา. ควรเป็นช้างทรง ถึงการนับว่าเป็นราชพาหนะ องค์
5 ประการเป็นไฉน คือ ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูป 1 อดทน
ต่อเสียง 1 อดทนต่อกลิ่น 1 อดทนต่อรส 1 อดทนต่อโผฏฐัพพะ 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูปอย่างไร
คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว เห็นกองพลช้าง กองพลม้า กองพล-
รถ หรือกองพลเดินเท้า ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนาม
รบได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูปอย่างนี้แล
ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อเสียงอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่
สงครามแล้ว ได้ยินเสียงกองพลช้าง เสียงกองพลม้า เสียงกองพลรถ เสียง
กองพลเดินเท้า หรือเสียงกลอง บัณเฑาะว์ สังข์ มโหระทึกที่กระหึม ย่อม
ไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ช้างของพระราชาอดทนต่อเสียงอย่างนี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทน
ต่อกลิ่นอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสงครามแล้ว ได้กลิ่นมูตรและคูถ
แห่งช้างของพระราชา (ฝ่ายข้าศึก) ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเข้าสนามรบทั้งหลาย ย่อม

ไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์
อดทนต่อรสอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ไม่ได้กินอาหาร
แม้เพียงคืนหนึ่ง 2 คืน 3 คืน 4 คืน 5 คืน ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทก
สะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาอดทน
ต่อโผฏฐัพพะอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสงครามแล้ว ถูกเขายิงด้วยลูก
ศรครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง 5 ครั้ง ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน
สามารถเข้าสนามรบได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทน
ต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาประกอบด้วย
องค์ 5 ประการนี้แล เป็นช้างควรแก่พระราชา ควรเป็นช้างทรง ถึงการนับ
ว่าเป็นพระราชพาหนะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม 5 ประการ ก็ฉัน
นั้นเหมือนกัน เป็นผู้ควรแก่ของคำนับ ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ของทำบุญ
ควรแก่การกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ธรรม 5
ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้อดทนต่อรูป 1 อดทน
ต่อเสียง 1 อดทนต่อกลิ่น 1 อดทนต่อรส 1 อดทนต่อโผฏฐัพพะ 1.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อรูปอย่างไร คือ ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในรูปที่ชวนให้กำหนัด
สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อรูปอย่างนี้
แล ก็ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อเสียงอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ฟังเสียงด้วย
หูแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในเสียงที่ชวนให้กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล ก็ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อ
กลิ่นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สูดกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ย่อมไม่กำหนัด

ในกลิ่นที่ชวนให้กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
เป็นผู้อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล ภิกษุย่อมเป็นผู้อดทนต่อรสอย่างไร คือ ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในรสที่ชวนให้กำหนัด
สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อรสอย่างนี้
แล ก็ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ถูกต้อง
โผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในโผฏฐัพพะที่ชวนให้กำหนัด สามารถ
ตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 5 ประการนี้แล เป็น
ผู้ควรแก่ของคำนับ ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ของทำบุญ ควรแก่การกระทำ
อัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งว่า.
จบอักขมสูตรที่ 9

อรรถกถาอักขมสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอักขมสูตรที่ 9 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า หตฺถีกายํ ได้แก่ ทัพช้าง. แม้ในบทที่เหลือทั้งหลายก็นัยนี้
เหมือนกัน. ชื่อว่า สังคามาวจร (เจนสงคราม) เพราะท่องไปในสงคราม. บทว่า
เอกิสฺสา วา ติโณทกทตฺติยา วิมานิโต ความว่า ไม่ได้รับการทอดหญ้า
และน้ำมื้อหนึ่งในวันหนึ่ง อธิบายว่าไม่ได้หญ้าและน้ำเพียงวันเดียว. แม้ต่อ
จากนี้ไปก็นัยนี้เหมือนกัน. บทว่า น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ ความว่า
ไม่อาจตั้งจิตไว้โดยชอบในอารมณ์. คำที่เหลือในสูตรนี้ง่ายทั้งนั้น. แต่ในสูตรนี้
พึงทราบว่า ตรัสทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะ.
จบอรรถกถาอักขมสูตรที่ 9