เมนู

มีพระราชโภคะมาก มีฉางและพระคลังบริบูรณ์ฉะนั้น 1 เธอเป็นผู้ปรารภ
ความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง
มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย เหมือนพระราชาผู้
กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ทรงสมบูรณ์ด้วยกำลังฉะนั้น 1 เธอเป็นผู้มีปัญญา
คือ ประกอบด้วยปัญญาเครื่องหยั่งเห็นความเกิด และความดับ อันประเสริฐ
ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ เหมือนพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธา-
ภิเษกแล้ว ทรงสมบูรณ์ด้วยปริณายก ฉะนั้น 1 ธรรม 4 ประการนี้ของเธอ
ย่อมบ่มวิมุตติให้แก่กล้า เธอประกอบด้วยธรรมมีวิมุตติเป็นที่ 5 นี้ ย่อมอยู่
ณ ทิศใด ๆ ก็เป็นผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วเทียว ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุ
ว่าข้อนั้น ย่อมมีสำหรับภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนั้น.
จบยัสสทิสสูตรที่ 4

อรรถกถายัสสทิสสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในยัสสทิสสูตรที่ 4 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุภโต ได้แก่ จากทั้ง 2 ฝ่าย. บทว่า มาติโต จ
ปิติโต จ
ความว่า ก็พระราชาพระองค์ใดมีพระมารดาเป็นกษัตริย์ พระ-
มารดาของพระมารดาเป็นกษัตริย์ แม้พระมารดาของพระมารดานั้นก็มีพระ-
มารดาเป็นกษัตริย์ มีพระบิดาเป็นกษัตริย์ พระบิดาของพระบิดาเป็นกษัตริย์
แม้พระบิดาของพระบิดานั้น ก็มีพระบิดาเป็นกษัตริย์ พระราชาพระองค์นั้น
ชื่อว่ามีพระกำเนิดดีจากทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งฝ่ายพระมารดา ทั้งฝ่ายพระบิดา.
บทว่า สํสุทฺธคหณิโก ได้แก่ ประกอบด้วยพระครรภ์ของพระมารดา

หมดจดดี. ก็เตโชธาตุซึ่งเกิดแต่กรรม ท่านเรียกว่า คหณี (ครรภ์) ในคำว่า
สมเวปากินิยา คหณิยา (ครรภ์ซึ่งมีวิบากเสมอกัน) นี้. บิดาของบิดาชื่อ
ปิตามหะ ชั้นของปิตามหะ ชื่อปิตามหยุค ในคำว่า ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา
(ถึง 7 ชั่วปิตามหะ) นี้. ประมาณอายุ ท่านเรียกว่า ยุค. แลคำนี้เป็นเพียง
คำพูดกันเท่านั้น. แต่โดยเนื้อความ ปิตามหะนั่นแหละ เป็นปิตามหยุค
บรรพบุรุษทั้งหมดเลยนั้นขึ้นไป ท่านถือเอาด้วยศัพท์ ปิตามหะทั้งนั้น เป็น
ผู้มีพระครรภ์หมดจดดี ถึง 7 ชั่วบุรุษอย่างนี้. อีกอย่างหนึ่ง ท่านแสดงว่า
ไม่ถูกคัดค้าน ไม่ถูกติเตียน เพราะเรื่องพระกำเนิด.
บทว่า อกฺขิตฺโต ความว่า ไม่ถูกคัดค้าน คือ ไม่ถูกเพ่งเล็งว่า
จงนำเขาออกไป ประโยชน์อะไรด้วยผู้นี้. บทว่า อนุปกุฏฺโฐ ความว่า
ไม่ถูกติเตียน คือไม่เคยถูกด่าหรือนินทา. ถามว่า เพราะเรื่องอะไร. แก้ว่า
เพราะเรื่องพระกำเนิด. อธิบายว่า ด้วยคำเห็นปานนี้ว่า ผู้นี้มีกำเนิดเลว
แม้ด้วยประการฉะนี้. ในบทว่า อทฺโธ เป็นต้น ความว่า คนใดคนหนึ่ง
เป็นผู้มั่งคั่ง เพราะสมบัติซึ่งเป็นของของตน แต่ในที่นี้มิใช่เป็นผู้มั่งคั่ง
อย่างเดียวเท่านั้น เป็นผู้มีทรัพย์มาก อธิบายว่า เป็นผู้ประกอบด้วยทรัพย์มาก
คือนับประมาณไม่ได้. เป็นผู้มีโภคะมาก เพราะพระองค์มีโภคะมาก คือโอฬาร
ด้วยกามคุณ 5 โกสะ ในคำว่า ปริปุณฺณโกสโกฏฺฐาคาโร ท่านกล่าว
หมายเอาเรือนคลัง ความว่า มีเรือนคลังบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ที่วางเก็บไว้
และมียุ้งฉางบริบูรณ์ด้วยข้าวเปลือก. อีกอย่างหนึ่ง โกสะมี 4 อย่าง คือ
ทัพช้าง ทัพม้า ทัพรถ ทัพพลเดินเท้า. โกฏฐาคาร (คลังยุ้งฉาง) มี 3 อย่าง
คือ คลังทรัพย์ ยุ้งฉางข้าวเปลือก คลังผ้า. พระราชาเป็นผู้มีพระคลังและ
ยุ้งฉางบริบูรณ์ เพราะพระองค์มีพระคลังและยุ้งฉางแม้ทั้งหมดนั้นบริบูรณ์.

บทว่า อสฺสวาย ความว่า เมื่อพระราชทานทรัพย์แม้มากแก่ใคร ๆ
เสนาไม่เชื่อฟัง เสนานั้นชื่อว่า เป็นผู้ไม่เชื่อฟัง แม้จะมิได้พระราชทาน
แก่ใคร ๆ เสนาก็เชื่อฟัง เสนานี้ชื่อว่าเป็นผู้เชื่อฟัง. บทว่า โอวาทปฏิการาย
ความว่า ผู้กระทำตามพระโอวาทที่พระราชทานว่า ท่านทั้งหลายพึงทำสิ่งนี้
ไม่พึงทำสิ่งนี้. บทว่า ปณฺฑิโต ได้แก่ ประกอบด้วยความเป็นบัณฑิต.
บทว่า พฺยตฺโต ได้แก่ ประกอบด้วยความเป็นผู้ฉลาดคือปัญญา. บทว่า
เมธาวี ได้แก่ ประกอบด้วยปัญญาเครื่องให้เกิดตำแหน่ง. บทว่า ปฏิพโล
ได้แก่ สามารถ. บทว่า อตฺเถ จินฺเตตุํ ได้แก่ เพื่อคิดเอาประโยชน์คือ
ความเจริญ. ความจริง พระราชานั้นทรงดำริโดยอิงประโยชน์ปัจจุบันนั่นแหละ
ว่า แม้ในอดีตก็ได้มีแล้วอย่างนี้ ถึงในอนาคตก็จักมีอย่างนี้. บทว่า วิชิตาวีนํ
ได้แก่ ผู้มีชัยชนะที่ทรงชนะวิเศษแล้ว หรือทรงประกอบด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่.
บทว่า วิมุตฺตจิตฺตานํ ได้แก่ ผู้มีใจหลุดพ้นด้วยวิมุตติ 5.
จบอรรถกถายัสสทิสสูตรที่ 4

5. ปฐมปัตถนาสูตร


ว่าด้วยองค์คุณของพระราชโอรสองค์ใหญ่และภิกษุ


[135] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชา
ผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบด้วยองค์ 5 ประการ ย่อมทรง
ปรารถนาราชสมบัติ องค์ 5 ประการเป็นไฉน คือ พระราชโอรสองค์ใหญ่
ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้วในโลกนี้ ย่อมทรงเป็นอุภโตสุชาติ
ทั้งฝ่ายพระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดา มีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด