เมนู

ล่วงไป ละการหลีกออกเร้นอยู่ ไม่ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการ
ตรึกตามธรรมนั้น ภิกษุนี้เรียกว่า เป็นผู้มากด้วยการตรึกธรรม ไม่ชื่อ
ว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม.

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยา-
กรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ เธอย่อมไม่
ปล่อยให้วันคืนล่วงไป ไม่ละการหลีกออกเร้นอยู่ ประกอบควานสงบใจใน
ภายใน เพราะการเล่าเรียนธรรมนั้น ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้อยู่ในธรรม อย่างนี้แล
ดูก่อนภิกษุ เราแสดงภิกษุผู้มากด้วยการเล่าเรียนธรรม แสดงภิกษุผู้มากด้วย
การสาธยายธรรม แสดงภิกษุผู้มากด้วยการตรึกธรรม แสดงภิกษุผู้อยู่ในธรรม
ด้วยประการฉะนี้ ดูก่อนภิกษุ กิจใดอันศาสดาผู้หวังประโยชน์เกื้อกูลอนุเคราะห์
อาศัยความเอ็นดู พึงกระทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นเราได้ทำแก่เธอทั้งหลาย
แล้ว ดูก่อนภิกษุ นั่นโคนต้นไม้ นั่นเรือนว่าง เธอจงเพ่งฌาน อย่าประมาท
อยู่เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นอนุสาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย.
จบปฐมธรรมวิหาริกสูตรที่ 3

อรรถกถาปฐมธรรมวิหาริกสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปฐมธรรมวิหาริกสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ทิวสํ อตินาเมติ ได้แก่ ทำเวลาวันหนึ่งให้ล่วงไป. บทว่า
ริญฺจติ ปฏิสลฺลานํ ได้แก่ ละเลยความอยู่ผู้เดียวเสีย. บทว่า เทเสติ ได้แก่
กล่าวประกาศ. บทว่า ธมฺมปญฺญตฺติยา ได้แก่ ด้วยการบัญญัติธรรม. บทว่า
ธมฺมํ ปริยาปุณาติ ได้แก่ เล่าเรียน ศึกษา กล่าวธรรมคือสัจจะ 4 โดย