เมนู

9. โกสลสูตร


ว่าด้วยฐานะที่หาไม่ได้ 5 ประการ


[49] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระเจ้า
ปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ทรงอภิวาทแล้ว
ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ก็สมัยนั้น พระนางมัลลิกาเทวีได้ทิวงคต
ครั้งนั้นราชบุรุษคนหนึ่งเข้าไปกราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ใกล้พระกรรณว่า
ขอเดชะ พระนางมัลลิกาเทวีได้ทิวงคตแล้ว ครั้นเขากราบทูลดังนี้แล้ว
พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงมีทุกข์โทมนัส ประทับนั่งเหงาหงอย ก้มพระพักตร์
เศร้าสลด อัดอั้น ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบดังนั้นแล้ว จึงตรัส
กับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ดูก่อนมหาบพิตร ฐาน. 5 ประการนี้ อันสมณะ
พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลกไม่พึงได้ 5 ประการ
เป็นไฉน คือ ฐานะว่า ขอสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา [ของเรา] อย่าแก่ 1
ฯลฯ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ดังนี้.
จบโกสลสูตรที่ 9

อรรถกถาโกสลสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในโกสลสูตรที่ 9 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปกณฺณเก แปลว่า ที่ใกล้พระกรรณ. บทว่า ทุมฺมโน
แปลว่า เสียพระทัย. บทว่า ปตฺตกฺขนฺโธ แปลว่า มีพระศอตก บทว่า
ปชฺฌายนฺโต แปลว่า ทรงครุ่นคิดอยู่. บทว่า อปฺปฏิภาโณ แปลว่า
ทรงคิดไม่ออก. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล.
จบอรรถกถาโกสลสูตรที่ 9

10. นารทสูตร


ว่าด้วยฐานะ 5 ที่ใคร ๆ ในโลกไม่พึงได้


[50] สมัยหนึ่ง ท่านพระนารทะอยู่ที่กุกกุฎาราม ใกล้พระนคร
ปาตลีบุตร ก็สมัยนั้น พระนางภัททาราชเทวี ผู้เป็นที่รัก เป็นที่พอ
พระทัยแห่งพระราชาพระนามว่ามุณฑะ ได้ทิวงคต เมื่อพระนางภัททาราชเทวี
ผู้เป็นที่รักเป็นที่พอพระทัย ทิวงคตไปแล้ว พระราชาก็ไม่สรงสนาน ไม่ทรง
แต่งพระองค์ ไม่เสวย ไม่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ทรงซบเซาอยู่ที่
พระศพพระนางตลอดคืนตลอดวัน ครั้งนั้น พระราชาได้ตรัสสั่งมหาอำมาตย์
ชื่อว่าโสการักขะผู้เป็นที่รักว่า ท่านโสการักขะผู้เป็นที่รัก ท่านจงยกพระศพ
พระนางภัททาราชเทวีลงในรางเหล็กที่เต็มด้วยน้ำมัน แล้วปิดด้วยรางเหล็กอัน
อื่นอีก เพื่อให้เราได้เห็นพระศพพระนางนานได้เท่าไรยิ่งดี โสการักขะมหา-
อำมาตย์รับสนองพระบรมราชโองการแล้ว ก็ได้จัดการยกพระศพพระนางลง
ในรางเหล็กที่เต็มด้วยน้ำมัน แล้วปิดด้วยรางเหล็กอันอื่นอีก ครั้งนั้น
โสการักขะมหาอำมาตย์จึงคิดว่า เมื่อพระนางภัททาราชเทวี ผู้เป็นที่รัก ที่พอ
พระทัย แห่งพระเจ้ามุณฑะนี้ ได้ทิวงคตไปแล้ว พระราชาไม่สรงสนาน
ไม่ทรงแต่งพระองค์ ไม่เสวย ไม่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ทรงซบเซา
อยู่ที่พระศพพระนางตลอดคืนตลอดวัน พระราชาพึงเสด็จเข้าไปหาสมณะ
หรือพราหมณ์รูปใดหนอ ได้ทรงสดับธรรมแล้ว จะพึงทรงละลูกศร คือ
ความโศกได้ ลำดับนั้น โสการักขะมหาอำมาตย์จึงคิดว่า ท่านพระนารทะ
รูปนี้ อยู่ที่กุกกุฏาราม ใกล้พระนครปาตลีบุตร ก็กิตติศัพท์อันงามของท่าน
พระนารทะขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา เป็นพหูสูต