เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร. . . วจีสังขาร . . . มโนสังขาร
อันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ครั้นแล้วย่อมเข้าถึงโลก
ที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ผัสสะอันมีความเบียดเบียน
บ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องบุคคลนั้น ผู้เข้าถึงโลกที่มีความ
เบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง เขาอันผัสสะที่มีความเบียดเบียนบ้าง
ไม่มีความเบียดเบียนบ้างถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันมีความเบียดเบียน
บ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง มีทั้งสุขและทั้งทุกข์ระคนกัน เปรียบเหมือน
มนุษย์ เทพบางพวก และวินิปาติกสัตว์บางพวก นี้เราเรียกว่า กรรมทั้งดำ
ทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมไม่ดำไม่ขาวมีวิบากไม่ต่ำไม่ขาวย่อมเป็น
ไปเพื่อความสิ้นกรรมเป็นไฉน เจตนาใดเพื่อละกรรมดำอันมีวิบากดำในบรรดา
กรรมเหล่านั้นก็ดี เจตนาใดเพื่อละกรรมขาวอันมีวิบากขาวก็ดี เจตนาใดเพื่อ
ละกรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบาก ทั้งดำทั้งขาวก็ดี นี้เราเรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว
มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรรม 4 ประการนี้แล เรากระทำให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ.
จบวิตถารสูตรที่ 2

อรรถกถาวิตถารสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในวิตถารสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สพฺยาปชฺฌํ คือ มีโทษ. บทว่า กายสงฺขารํ ได้แก่
เจตนาในกายทวาร. บทว่า อภิสงฺขโรติ ได้แก่พอกพูน คือประมวลมา.