เมนู

ในภายหลังแล้ว ทรงประกาศความที่คำสอนของพระองค์ลึกซึ้งด้วยองค์ที่ 4
ทรงจบเทศนาด้วยอดธรรมคือพระอรหัต ด้วยบทเพียงเท่านี้ว่า นาปรํ
อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ
ดังนี้ บัดนี้ เมื่อจะทรงกระชับพระเทศนาให้
หนักแน่น จึงตรัสคำเป็นอาทิว่า เอวํ โข ภิกฺขเว ดังนี้
จบอรรถกถาอัตตันตปสูตรที่ 8

9. ตัณหาสูตร


ว่าด้วยตัณหาเป็นดังข่าย


[199] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงตัณหาเช่นดังข่าย ท่องเที่ยว
ไป แผ่ซ่านไป เกาะเกี่ยวอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องปกคลุมหุ้มห่อสัตว์
โลกนี้ ซึ่งนุงเหมือนกลุ่มด้ายอันยุ่งเหยิง ขอดเป็นปมเป็นเหมือนหญ้าปล้อง
ไม่ไห้ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสงสารไปได้ เธอทั้งหลายจงพึง
จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาเช่นดังข่าย ท่องเที่ยวไป
แผ่ซ่านไป เกาะเกี่ยวอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องปกคลุมหุ้มห่อสัตว์โลกนี้
ซึ่งนุงเหมือนกลุ่มด้ายอันยุ่งเหยิง ขอดเป็นปม เป็นเหมือนหญ้ามุงกระต่าย
และหญ้าปล้อง ไม่ให้ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสงสารไปได้นั้น
เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหาวิจริต 18 ประการนี้ อาศัยขันธบัญจก
ภายใน ตัณหาวิจริต 18 ประการนี้ อาศัยขันธบัญจกภายนอก ตัณหาวิจริต
18 ประการอันอาศัยขันธบัญจกภายในเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมี
ความถือว่า เรามี ก็ย่อมมีความถือว่า เราเป็นอย่างนี้ เราเป็นอย่างนั้น