เมนู

อรรถกถาปปติตสูตร


พึงทราบวินิจฉัยให้ปปติตสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้:-
บทว่า ปปติโต ได้แก่ ผู้เคลื่อนไป. บทว่า อปฺปปติโต ได้แก่
ผู้ตั้งอยู่แล้ว. บรรดาบุคคลเหล่านั้น โลกิยมหาชนชื่อว่า ตกไปทั้งนั้น. พระ
อิริยบุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้น ชื่อว่า ตกไปในขณะเกิดกิเลส. พระขีณาสพ
ชื่อว่า ตั้งอยู่แล้วโดยส่วนเดียว. บทว่า จุตา ปตนฺติ ความว่า ชนเหล่าใด
เคลื่อนไป ชนเหล่านั้น ชื่อว่าตก. บทว่า ปติตา ความว่า ชนเหล่าใด
ตกไป ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเคลื่อนไป. อธิบายว่า ชื่อว่าตกเพราะเคลื่อนไป
ชื่อว่าเคลื่อนไป เพราะตกดังนี้. บทว่า คิทฺธา ได้แก่บุคคลผู้กำหนัดเพราะ
ราคะ. บทว่า ปุนราคตา ความว่า ย่อมชื่อว่าเป็นผู้มาสู่ชาติ ชรา พยาธิ
มรณะอีก. บทว่า กตกิจฺจํ ความว่า ทำกิจที่ควรทำด้วยมรรค 4. บทว่า
รตํ รมฺมํ ความว่า ยินดีแล้วในคุณชาติที่ควรยินดี. บทว่า สุเขนานฺวาคตํ
สุขํ
ความว่า จากสุขมาตามคือถึงพร้อมซึ่งสุข อธิบายว่า จากสุขของมนุษย์
มาถึงคือบรรลุสุขทิพย์ จากสุขในฌานมาถึงสุขในวิปัสสนา จากสุขในวิปัสสนา
มาถึงสุขในมรรค จากสุขในมรรคมาถึงสุขในผล จากสุขในผล ก็มาถึงสุขใน
นิพพาน.
จบอรรถกถาปปติตสูตรที่ 2

3.ปฐมขตสูตร


ว่าด้วยธรรม 4 ประการ ของคนพาลและบัณฑิต


[3] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ
เป็นคนพาล เป็นคนโง่เขลา เป็นอสัตบุรุษ ครองตนอันถูกขุด (รากคือ
ความดี) เสียแล้ว ถูกขจัดไปครึ่งหนึ่งแล้ว เป็นคนประกอบด้วยโทษ ผู้รู้
เคียน และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย ธรรม 4 ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลไม่ใคร่ครวญไม่สอบสวนแล้ว ชมคนที่ควรติ 1 ติคนที่ควรชม 1
ปลูกความเลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส 1 แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะ
อันควรเลื่อมใส 1 บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการนี้แล เป็นคนพาล ฯลฯ
และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ เป็นบัณฑิต
เป็นคนฉลาด เป็นสัตบุรุษ ครองตนอันไม่ถูกขุด ไม่ถูกขจัดไปครึ่งหนึ่ง
เป็นผู้หาโทษมิได้ ผู้รู้สรรเสริญ และได้บุญมากด้วย ธรรม 4 ประการ
เป็นไฉน คือบุคคลใคร่ครวญสอบสวนแล้ว ติคนที่ควรติ ชมคนที่ควรชม 1
แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส 1 ปลูกความเลื่อมใสในฐานะ
อันควรเลื่อมใส 1 บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการนี้แล เป็นบัณฑิตฯลฯ
และได้บุญมากด้วย
(นิคมคาถา)
ผู้ใดชมคนที่ควรติ หรือ ติคนที่
ควรชม ผู้นั้น ชื่อว่าก่อ (กลี) ความร้าย
ด้วยปาก เพราะความร้ายนั้น เขาก็ไม่ได้