เมนู

ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้าเป็นไฉน ? บุคคลบางคนโดยปกติ มิใช่
เป็นคนมีราคะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะราคะ มิใช่เป็นคนมี
โทสะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะโทสะ อนึ่ง โดยปกติมิใช่
เป็นคนมีโมหะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะโมหะ แต่อินทรีย์ 5
คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ของเขาอ่อน เพราะอินทรีย์ 5 นี้อ่อน
เขาย่อมบรรลุอนันตริยคุณ เพื่อความสิ้นอาสวะได้ช้า นี้เรียกว่า ปฏิบัติ
สะดวก แต่รู้ได้ช้า

ปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็วเป็นไฉน ๆ บุคคลบางคนโดยปกติ มิใช่
เป็นคนมีราคะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะราคะ โดยปกติมิใช่
เป็นคนมีโทสะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะโทสะ อนึ่ง โดยปกติ
มิใช่เป็นคนมีโมหะกล้า มิใคร่ได้รับทุกขโทมนัสที่เกิดเพราะโมหะ ทั้งอินทรีย์
5 คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ของเขาก็แก่กล้า เพราะอินทรีย์
5 นี้แก่กล้า เขาย่อมบรรลุอนันตริยคุณเพื่อความสิ้นอาสวะได้เร็ว นี้เรียกว่า
ปฏิบัติสะดวก ทั้งได้รู้เร็ว
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลปฏิปทา 4.
จบวิตถารสูตรที่ 2

อรรถกถาวิตถารสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในวิตถารสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อภิกฺขณํ แปลว่าเนือง ๆ. บทว่า อนนฺตริยํ ได้แก่
มรรคสมาธิอันให้ผลเป็นอนันตริยคุณ. บทว่า อาสวานํ ขยา ได้แก่

เพื่ออรหัตผล. บทว่า ปญฺจินฺทฺริยานิ ได้แก่ อินทรีย์ 5 อันมีวิปัสสนา
เป็นที่ 5. ก็ในบทว่า ปญฺญินฺทฺริยํ นี้ ท่านประสงค์เอาวิปัสสนาปัญญา
เท่านั้นว่า ปัญญินทรีย์. คำที่เหลือในสูตรนี้ง่ายทั้งนั้นโดยอำนาจ ที่ตรัส
ไว้แล้ว ในบาลี.
ก็กถาจำแนกปฏิปทาเหล่านี้มีดังนี้ . ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เคยทำการ
ยึดถือมาเบื้องต้น ย่อมลำบากในการกำหนดรูป ย่อมลำบากในการกำหนดอรูป
ย่อมลำบากในการกำหนดปัจจัย ย่อมลำบากในกาลทั้งสาม ย่อมลำบากใน
มัคคามัคคะทางและมิใช่ทาง เมื่อลำบากในฐานะ 5 อย่างนี้ ย่อมบรรลุวิปัสสนา
ครั้นบรรลุวิปัสสนาแล้ว ก็ลำบากในวิปัสสนาญาณ 9 เหล่านั้นคือ ในอุทยัพ-
พยานุปัสสนาญาณ
(ปรีชาคำนึงเห็นทั้งความเกิดและความดับ) 1 ในภัง-
คานุปัสสนาญาณ
(ปรีชาคำนึงเห็นความดับ) 1 ในภยตุปัฏฐานญาณ
(ปรีชาคำนึงเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว) 1 ในอาทีนวานุปัสสนาญาณ
(ปรีชาคำนึงเห็นโทษ) 1 ในนิพพิทานุปัสสนาญาณ (ปรีชาคำนึงถึงความ
เบื่อหน่าย) 1 ในมุญจิตุกามยตาญาณ (ปรีชาคำนึงด้วยใคร่จะพ้นไป) 1 ใน
สังขารุเบกขาญาณ (ปรีชาคำนึงด้วยความเฉยในสังขาร) 1 ในอนุโลมญาณ
(ปรีชาคำนึงโดยสมควรแก่กำหนดรู้อริยสัจ) 1 ในโคตรภูญาณ (ปรีชากำหนด
ญาณอันเป็นลำดับอริยมรรค) 1 แล้วจึงบรรลุโลกุตรมรรค โลกุตรมรรคนั้น
ของภิกษุนั้น ชื่อว่าปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ลำบาก เพราะทำให้แจ้งโดยความ
หนักไปด้วยทุกข์อย่างนี้ ก็ภิกษุใดเบื้องต้นลำบากในญาณ 5 แต่เบื้องปลาย
ไม่ลำบากในวิปัสสนาญาณ 9 ย่อมทำให้แจ้งซึ่งมรรค มรรคนั้นของภิกษุนั้น
ชื่อว่าปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว เพราะทำให้แจ้งโดยไม่หนักด้วยทุกข์
อย่างนี้. อีกสองปฏิปทาก็พึงทราบโดยอุบายนี้.

อนึ่ง ปฏิปทาเหล่านี้จะพึงแจ่มแจ้วก็ด้วยข้ออุปมาเปรียบด้วยคนหาโค.
โค 4 ตัวของชายคนหนึ่งหนีเข้าไปในดง. เขาหาโคเหล่านั้นในป่าซึ่งมีหนาม
หนาทึบ ทางที่ไปก็ไปด้วยความยากลำบาก โคซ่อนอยู่ในที่อันหนาทึบเช่นนั้น
ก็เห็นด้วยความยากลำบาก. ชายคนหนึ่งไปด้วยความลำบาก โคยืนอยู่ในที่แจ้ง
ก็เห็นได้ฉับพลันทันที. อีกคนหนึ่งไปทางโล่งไม่หนาทึบ โคซ่อนอยู่เสียในที่
หนาทึบก็เห็นด้วยความยากลำบาก. อีกคนหนึ่งไปสะดวกตามทางโล่ง โคยืนอยู่
ในที่โล่งก็เห็นได้ฉับพลัน. ในข้ออุปมานั้น อริยมรรค 4 พึงเห็นดุจโค 4 ตัว
พระโยคาวจรดุจชายหาโค การปฏิบัติลำบากในเบื้องต้นของภิกษุผู้ลำบากในญาณ
5 ดุจไปทางหนาทึบด้วยความยากลำบาก การเห็นอริยมรรคในเบื้องปลาย
ของผู้เหนื่อยหน่ายในญาณ 9 ดุจการเห็นโคที่ซ่อนอยู่ในที่หนาทึบด้วยความยาก.
พึงประกอบแม้ข้ออุปมาที่เหลือโดยอุบายนี้.
จบอรรถกถาวิตถารสูตรที่ 2

3. อสุภสูตร


ว่าด้วยปฏิปทา 4


[163] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา 4 นี้ ฯลฯ คือ
ทุกฺขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า
ทุกฺขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว
สุขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า
สุขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว